The Prachakorn

เหลียวหลังมองการเปลี่ยนแปลงประชากรในประเทศไทย: เด็กรุ่นเกิดล้าน


กาญจนา เทียนลาย

09 กรกฎาคม 2568
12



“ช่วงปี 2506–2526” เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจของนักประชากรศาสตร์ของประเทศไทย เนื่องจาก ประเทศไทยมีเด็กเกิดเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงเวลาดังกล่าว มีจำนวนเด็กเกิดสูงกว่าปีละ 1 ล้านคน ติดต่อกันถึง 21 ปี

ศ.เกียรติคุณ ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล นักประชากรศาสตร์คนสำคัญของประเทศไทย ได้เรียกประชากรกลุ่มนี้ว่า “ประชากรรุ่นเกิดล้าน” ซึ่งนับว่าเป็นคลื่นประชากรลูกที่ใหญ่มาก จนบางครั้งท่านก็เรียกว่าเป็น “สึนามิประชากร” ซึ่งการเพิ่มจำนวนประชากรในช่วงนี้ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมและเศรษฐกิจของบ้านเราที่ยังคงพึ่งพาแรงงานจำนวนมากในภาคการเกษตร เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ จึงเป็นเรื่องปกติในสังคมไทยที่นิยมมีลูกหลายคน 

ในช่วงเวลากว่า 20 ปีนั้น ปี 2514 ถือเป็นจุดสูงสุดที่มีจำนวนเด็กเกิดใหม่มากถึง 1,221,228 คน ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรในช่วงนั้นได้สร้างความท้าทายที่สำคัญ อาทิ การจัดสรรทรัพยากรสาธารณะ การศึกษา สาธารณสุขเพื่อรองรับความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น ในเวลาต่อมา รัฐบาลไทยเริ่มดำเนิน “นโยบายควบคุมประชากร” เพื่อไม่ให้จำนวนเด็กเกิดมากจนเกินไป เช่น การส่งเสริมการวางแผนครอบครัว การให้ความรู้เกี่ยวกับการคุมกำเนิด มีโฆษณาและคำขวัญที่ง่ายต่อการจดจำ เช่น “ลูกมากจะยากจน” “หญิงก็ได้ชายก็ดีมีแค่สอง”

เมื่อนำสถิติการเกิดเมื่อปี 2506-2526 มาเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรในปี 2567 พบว่า ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ราวๆ 85%ของเด็กที่เกิดในแต่ละปี เด็กรุ่นเกิดล้านในปี 2506-2507 ได้ “ก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว” โดยมีอายุ 61 และ 60 ปีตามลำดับ ในปี 2567 คลื่น 2 ลูกแรกนี้ มีประมาณ 1.8 ล้านคน โดยเด็กรุ่นเกิดล้านที่มีอายุน้อยที่สุดนั้น จะมีอายุ 41 ปี ในปี 2567 ซึ่งเป็นวัยกลางคนแล้ว

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงอีกราว 20 ปีต่อไปจากนี้ จะมีคลื่นสึนามิประชากรที่เคลื่อนสู่การเป็นผู้สูงอายุอีกปีละประมาณ 8-9 แสนรายต่อปี สิ่งที่ภาครัฐควรตระหนักและให้ความสนใจในการออกแบบนโยบายเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการดูแลในอนาคต มีหลากหลายประเด็น อาทิ

  1. สุขภาพ ส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี ให้ความรู้ด้านการจัดสมดุลชีวิตและการทำงาน ส่วนในกลุ่มผู้สูงอายุ เพิ่มการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและการดูแลระยะยาว สนับสนุนกิจกรรมดูแลสุขภาพ รวมทั้งการสนับสนุนกิจกรรมในชุมชนเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และลดความโดดเดี่ยวทางสังคม
  2. การจ้างงานและเศรษฐกิจ ควรส่งเสริมการพัฒนาทักษะตลอดชีวิต เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในอนาคต เพิ่มโอกาสการเข้าถึงงาน ในขณะกลุ่มผู้สูงอายุเองภาครัฐควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมในทางเศรษฐกิจ เช่น การทำงานบางช่วงเวลา รวมทั้งจัดตั้งระบบบำนาญที่มั่นคงและยั่งยืน เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้ที่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต
  3. การใช้ชีวิตในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ทั้งนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการอยู่อาศัยร่วมกับครอบครัวหรือในชุมชนที่ส่งเสริมการดูแลซึ่งกันและกัน และพัฒนาศูนย์กิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุเพื่อเสริมสร้างความรู้ กิจกรรมสร้างสรรค์ รวมทั้งส่งเสริมการร่วมกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุในชุมชนด้วย

ข้อมูลจำนวนเด็กเกิดในช่วงปี 2506–2526 อายุเมื่อปี 2567 และจำนวนของคนที่อายุนั้นเมื่อปี 2567
 
ข้อมูล: สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

 


Tags :

CONTRIBUTOR

Related Posts
Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th