การเดินทางครั้งนี้ผู้เขียนและเพื่อนขับรถระยะทางกว่า 4,000 กิโลเมตร จากรัฐโอไฮโอไปถึงเมืองซานฟานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียหนึ่งในเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือ การได้มาเห็นแกรนแคนยอนด้วยตาตัวเอง หลายคนเดินทางไปดูความสวยงามของชั้นหินที่ทับซ้อนมากว่าล้านปีที่จุดชมวิวริมผา แต่ก็มีอีกหลายคนที่อยากสัมผัสธรรมชาติให้ใกล้ชิดมากขึ้นด้วยการเดินตามเส้นทางเดินตามธรรมชาติ สำหรับผู้เขียนเองชอบที่จะเดินไปตามถนนชมตึก ชมเมือง เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมีเส้นทางเดินให้เลือก จึงตัดสินใจเลือกชมวิวด้วยวิธีนี้ โดยเราเลือกเส้นทางเดิน Bright Angel Trail ด้วยความที่เส้นทางนี้มีระยะทางทั้งหมด 19.6 กิโลเมตร หากเดินไปสุดเส้นทางนี้ที่ Plateau Point Hike จะใช้ระยะเวลาเดินไปและกลับประมาณ 9-12 ชั่วโมง ซึ่งเราตั้งใจไว้แต่แรกว่า จะเดินไปเพียงแค่ระยะทางหนึ่งแล้วจะเดินกลับแต่ใครจะรู้ว่าเราเดินกันเพลินไปจนถึงสุดเส้นทาง Plateau Point Hike (ดูรูป 1)
รูป 1: นักท่องเที่ยวบนเส้นทางแกรนแคนยอน
รูปโดย: สุภรต์ จรัสสิทธิ์
พวกเราเริ่มต้นเดินประมาณ 8 โมงเช้า อากาศกำลังเย็นสบายวิวข้างหน้าที่เห็นตลอดเส้นทางเดินเป็นความสวยงามของภูเขาที่ถูกกัดเซาะจนเห็นเป็นแถบสีไล่ชั้นหิน ภาพที่เห็นเหมือนว่ากำลังยืนอยู่หน้ารูปภาพพาโนรามาผืนใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก เดินไปจนกระทั่งช่วงเวลาสายก็มีหิมะตกปรอยๆ ลงมาอย่างไม่คาดคิดว่าจะเจอในเดือนพฤษภาคม ตามมาด้วยสายฝนปรอยๆ ชวนให้สงสัยว่าอากาศที่นี่กำลังเล่นตลกอะไรกับเรา พอถึงช่วงเวลาบ่าย แดดก็เริ่มร้อน เป็นวันที่เจอหิมะ ฝน แดดในวันเดียวกัน ทำให้สงสัยว่าพรุ่งนี้เราอาจจะป่วยไข้กันบ้าง
แม้ระยะทางที่เดินจะค่อนข้างไกลสำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมตัวมา แต่เราก็มีความสุขกันมาก ระยะทางที่พวกเราเดินมาได้ไกลขึ้นเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกทีก็ไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้แล้ว เพราะอีกไม่ไกลก็จะถึงสุดเส้นทางที่จะได้เห็นสายน้ำโคโลราโด “เดินมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องไปให้สุดทาง” จนในที่สุดก็มาถึงสุดหน้าผา Plateau Point Hike ที่มองเห็นแม่น้ำโคโลราโดอยู่ลึกลงไป (ดูรูป 2) และหลังจากนี้ พวกเราไม่รู้เลยว่าความสุขกำลังจะหายไป
รูป 2: สุดเส้นทางที่ Plateau Point Hike
รูปโดย: สุภรต์ จรัสสิทธิ์
การเดินทางกลับไปยังเส้นทางเดิมเริ่มใช้ระยะเวลานานกว่าช่วงแรก เพราะทุกคนเริ่มรู้สึกล้า และยิ่งรู้สึกท้อไปอีก เพราะไม่รู้เลยว่าต้องเดินไปอีกไกลและนานแค่ไหนจะถึงทางออก และยังมีกล้องถ่ายรูปพร้อมเลนส์ 2 ตัว ที่น้ำหนักรวมมากกว่า 1 กิโลกรัม ที่อยู่บนเป้สะพายหลังเริ่มกลายเป็นภาระที่หนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ละก้าวที่เดินแทบจะเดินไม่ไหว ต้องหยุดนั่งพักแทบจะทุก 5-10 นาที ในขณะที่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง มองไปด้านบนเห็นแสงไฟและทางออกอยู่ไม่ไกลแล้ว จึงกัดฟันเฮือกสุดท้ายเดินไปให้ถึงทางออกให้ทันก่อนเวลาสองทุ่ม เพราะจำได้ว่าร้านขายน้ำจะปิดในเวลาสองทุ่ม เนื่องจากพวกเราขาดน้ำกันมาหลายชั่วโมงแล้ว
แม้เราจะเตรียมใจมาเดินเล่นชมวิวแกรนแคนยอน แต่เราไม่ได้เตรียมตัวมาเดินระยะทางไกลและใช้เวลาเดินไปกลับถึง 12 ชั่วโมง ดังนั้น เส้นทางเดินนี้จึงเป็นการเดินทางที่สร้างความประทับใจในแบบที่จำไม่ลืมเลยทีเดียว จากที่เคยมีความมั่นใจในแรงขาของตัวเอง แต่เพราะความประมาท การไม่วางแผนการเดิน การมีอาหารและน้ำไม่เพียงพอ จึงเป็นบทเรียนและเป็นประสบการณ์ที่จำไม่ลืม โดยเฉพาะป้ายบอกทางที่เพิ่งมาเห็นตอนเดินกลับมาใกล้ถึงทางออกที่เตือนว่า “เส้นทางนี้ไม่เหมาะสำหรับการเดินจนสุดเส้นทางและย้อนกลับภายในวันเดียว”