บริษัทอาหารแปรรูปมีส่วนช่วยเพิ่มการเข้าถึงอาหาร แต่ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมสูง บทความนี้วิเคราะห์กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทอาหารฯ ชั้นนำของประเทศไทย จำนวน 15 บริษัท ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการวิจัยเอกสารและการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วน จำนวน 30 คนผลการศึกษาพบว่า บริษัทอาหารฯ ดำเนินกลยุทธ์ 7 กลยุทธ์ เพื่อขยายอิทธิพลและปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจ1 ดังนี้
- กลยุทธ์การเมือง
กลุ่มบริษัทอาหารฯ สร้างความสัมพันธ์กับผู้กำหนดนโยบายผ่านการเข้าร่วมในคณะทำงาน ให้คำแนะนำทางเทคนิค ใช้เครือข่ายส่วนตัว และจ้างอดีตข้าราชการ รวมถึงการล็อบบี้และให้ทุนแก่พรรคการเมือง กลุ่มบริษัทอาหารฯ ยังใช้กฎหมายเพื่อข่มขู่คู่แข่งหรือภาคประชาสังคม และเสนอนโยบายทดแทน เช่น การควบคุมตนเองแทนกฎหมายจากภาครัฐ กลยุทธ์เหล่านี้ลดบทบาทของรัฐในการปกป้องสุขภาพของคนในสังคมไทย
- กลยุทธ์ด้านวิทยาศาสตร์
กลุ่มบริษัทอาหารฯ กำหนดกรอบหลักฐานโดยสนับสนุนงานวิจัยที่เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทของตนเอง จ้างนักวิชาการเป็นที่ปรึกษา ควบคุมการเผยแพร่ข้อมูล โต้แย้งงานวิจัยจากภาคประชาสังคม และวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่อยืดอายุสินค้า การพัฒนาเนื้อจากพืช และการเก็บข้อมูลผู้บริโภคผ่านช่องทางดิจิทัลเพื่อนำมาใช้ทำการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
- กลยุทธ์การตลาด
กลุ่มบริษัทอาหารฯ ส่งเสริมการตลาดผ่านโฆษณาหลากหลายช่องทาง การใช้ผู้มีชื่อเสียง การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดึงดูดและมีคำกล่าวอ้างเพื่อแสดงว่าผลิตภัณฑ์ของตนเองดีต่อสุขภาพ เช่น วิตามินซีสูง และการลดราคาและปรับขนาดสินค้าเพื่อให้ราคาถูกลง รวมทั้งการทุ่มงบโฆษณาเพื่อยึดครองพื้นที่สื่อ

รูป: ส่งเสริมการตลาดผ่านโฆษณาและลดราคาสินค้า
ที่มา: https://chatgpt.com/c/6880986a-ff00-800c-ae26-a44c4c2d2c73
สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2568
- กลยุทธ์ห่วงโซ่อุปทานและการจัดการของเสีย
กลุ่มบริษัทอาหารฯ ควบคุมระบบการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การซื้อกิจการ การทำสัญญา การลงทุนในระบบขนส่ง รวมถึงการขยายแฟรนไชส์ในต่างประเทศ ในด้านสิ่งแวดล้อม แม้กลุ่มบริษัทอาหารฯ มีมาตรการจัดการของเสีย แต่ยังพบการละเมิดกฎหมาย เช่น การปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำและการเผาผลผลิตหลังเก็บเกี่ยว ซึ่งสร้างมลพิษทางอากาศ เช่น PM2.5
- กลยุทธ์แรงงานและการจ้างงาน
บริษัทอาหารฯ บางแห่งขัดขวางการจัดตั้งสหภาพแรงงาน จ้างงานที่ไม่เป็นธรรมในบริษัทย่อย และหลีกเลี่ยงความรับผิดเมื่อเกิดอุบัติเหตุในที่ทำงาน แม้มีระบบร้องเรียน แต่กลับไม่ตอบสนองอย่างเป็นรูปธรรม เพราะภาคประชาสังคมที่มีบทบาทในการรับเรื่องร้องเรียนได้รับทุนจากบริษัท นอกจากนี้ยังพบว่าไม่มีการตรวจสอบจากภายนอกอย่างโปร่งใส
- กลยุทธ์การจัดการทางการเงิน
กลุ่มบริษัทอาหารฯ ใช้กลยุทธ์ด้านการเงินเพื่อเพิ่มผลกำไรและลดภาระภาษี เช่น การลดภาษีผ่านการบริจาคและปรับสูตรสินค้า การใช้ผลขาดทุนสะสม การส่งเสริมสินเชื่อผ่านความร่วมมือกับธนาคาร และการใช้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมการลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีหรือเงินอุดหนุน
- กลยุทธ์การบริหารจัดการชื่อเสียง
กลุ่มบริษัทอาหารฯ ดำเนินยุทธศาสตร์การบริหารจัดการชื่อเสียงเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่คนในสังคมโดยอิงแนวคิดความยั่งยืน เช่น การรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการรีไซเคิล การสนับสนุนการศึกษา ดนตรี กีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือกับภาครัฐและสถาบันต่างๆ ของสังคมไทย นอกจากนี้กลุ่มบริษัทอาหารฯ ยังสร้างความใกล้ชิดกับสื่อมวลชนผ่านการให้ทุนสนับสนุนกิจกรรมของสื่อมวลชนหรือจัดทริปเยี่ยมชมบริษัท การจ่ายเงินให้นักข่าวและการจ้างนักเขียนผี เพื่อเขียนบทความที่มีเนื้อหาเป็นประโยชน์ต่อบริษัท
กลุ่มบริษัทอาหารฯ ใช้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจหลายกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน สิ่งแวดล้อม สิทธิแรงงาน และความโปร่งใสของนโยบายสาธารณะภาครัฐต้องมีมาตรการที่เข้มแข็ง เช่น การจำกัดบทบาทของกลุ่มบริษัทอาหารฯ ในกระบวนการนโยบาย และการจัดการผลประโยชน์ทับซ้อน เพื่อถ่วงดุลอำนาจและอิทธิพลของกลุ่มบริษัทอาหารฯ อย่างเหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
- นงนุช จินดารัตนาภรณ์, วีรภาคย์ ซำศิริพงษ์, สลักจิต ชื่นชม. โครงการศึกษาปัจจัยทางการค้า ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ: กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทอาหารแปรรูปพิเศษ. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล; 2568.