The Prachakorn

เมื่อความจนบีบให้ขายความรัก: Sugar baby “อาชีพทางเลือก” หรือ “การขาดทางเลือก”


พิไลรัตน์ ศรีวิเชียรอำไพ

22 กันยายน 2568
417



“สังคมได้ทำให้ “ความรักกลายเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง” และทำให้ “การขายความรัก” กลายเป็นกลไกทางรอดหนึ่งในโลกที่ไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับผู้หญิงบางคน”

บทนำ

สังคมปัจจุบันให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับรูปลักษณ์ภายนอก และความสำเร็จทางการเงิน และอำนาจทางสังคม ปรากฏการณ์ความสัมพันธ์แบบ “sugar baby & sugar daddy” เป็นประเด็นหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของอำนาจ ทุน และเพศสภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวิกฤตเศรษฐกิจและความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ทว่าประเด็นความสัมพันธ์แบบ “sugar baby & sugar daddy” จึงมิใช่เพียงเรื่องส่วนบุคคล หากแต่เป็นภาพสะท้อนของโครงสร้างอำนาจ เศรษฐกิจ และเพศสภาพในสังคมร่วมสมัยที่ควรค่าแก่การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง 
 
บริบทของเพศ ทุน และอำนาจในสังคมร่วมสมัย กับบทบาทของ “sugar baby & sugar daddy” 

ภายใต้บริบทของเพศ ทุน และอำนาจในสังคมร่วมสมัย คำถามสำคัญคือ “คุณค่าของผู้หญิง” ถูกสร้างขึ้นอย่างไร และมีความสัมพันธ์กับบทบาทของ “sugar baby” อย่างไร การสร้าง “คุณค่าของผู้หญิง” ในสังคมภูมิภาคเอเชียปัจจุบันไม่ได้ถูกกำหนดโดยปัจเจกบุคคลเพียงลำพัง แต่เป็นผลลัพธ์จากกระบวนการทางสังคม วัฒนธรรม และโครงสร้างอำนาจที่หล่อหลอมซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านสถาบันต่าง ๆ เช่น ครอบครัว ศาสนา สื่อ และเศรษฐกิจทุนนิยม1

บทบาท “sugar baby” มักถูกมองผ่านเลนส์ของความน่าทะนุถนอม ความอ่อนเยาว์ รูปลักษณ์ และความสามารถในการเอาใจผู้ชาย เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางการเงินหรือไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ซึ่งสะท้อนว่าคุณค่าของผู้หญิงไม่ได้ถูกประเมินจากความสามารถหรือศักยภาพภายใน แต่มักถูกผูกโยงกับ “มูลค่าของสิ่งที่ให้ได้” จากชายผู้มีอำนาจภายใต้รูปแบบความสัมพันธ์นั้นๆ2

ประการสำคัญต่อมาแนวคิดเรื่อง “ผู้หญิงที่ดี” หรือ “ผู้หญิงที่มีคุณค่า” มักถูกผูกโยงกับลักษณะเฉพาะ เช่น ความงาม ความเรียบร้อย ความเสียสละ หรือบทบาทในฐานะภรรยาและแม่ที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอุดมคติที่เกิดจากสังคมปิตาธิปไตย ส่งผลให้ “คุณค่า” ของผู้หญิงเริ่มถูกตีความใหม่ผ่านกรอบของการบริโภคและความสามารถในการสร้างมูลค่า เช่น รูปร่างหน้าตา การดูแลตนเอง ความสามารถในการใช้โซเชียลมีเดีย หรือการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ดังนั้น ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยจึงกลายเป็น “สินค้าเชิงภาพลักษณ์” ที่ต้องแข่งขันกันเพื่อ “การถูกมอง” และ “การได้รับการยอมรับ” ในฐานะที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ความสวยจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนบุคคล แต่กลายเป็นทุนทางเพศที่สามารถแปรเป็นโอกาสในการเข้าถึงชีวิตที่ดีกว่า เช่น  การได้คู่ครองที่มีฐานะ การได้งาน หรือการเข้าสู่วงการบันเทิง เป็นต้น

เมื่อสังคมหนึ่งที่ยังคงมีอิทธิพลของระบบชนชั้น ความต่างวัย และการให้คุณค่าแก่ผู้ชายในฐานะผู้อุปถัมภ์ ดังนั้นการเป็น sugar baby ของผู้หญิง จึงมิใช่เป็นเพียงแค่เรื่องส่วนตัว หากยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่สมดุล จากปรากฎการณ์ทางสังคมดังกล่าว

นิยามของ Sugar daddy หมายถึง ผู้ชายที่ร่ำรวยและมีอายุมากกว่า ซึ่งให้ของขวัญและเงินแก่คนอายุน้อยกว่าเพื่อแลกกับความเป็นเพื่อนหรือความต้องการทางเพศ โดยบริษัทสื่อ seasia.stats ได้อ้างอิงผลสำรวจที่ทำเกี่ยวกับ 10 ประเทศในเอเชียที่มีจำนวน Sugar Daddy มากที่สุด ตัวอย่างข้อมูลผลการสำรวจอันดับต้น ๆ ของรายชื่อประเทศในภูมิภาคเอเชีย พบว่า อันดับที่ 1 คือ ประเทศอินเดียมี Sugar Daddy อยู่จำนวน 338,000 ราย ประเทศอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่ 2 โดยมี Sugar Daddy จำนวน 60,250 ราย ในขณะที่ประเทศมาเลเซียและญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 3 ร่วมกัน โดยมี Sugar Daddy จำนวน 32,500 ราย และอันดับสุดท้ายในรายการที่พบรายงานการสำรวจคือ กัมพูชา ซึ่งมี Sugar Daddy จำนวน 3,500 ราย3

เมื่อพิจารณาสู่คำถามสำคัญคือ “คุณค่าของผู้หญิง” ถูกสร้างขึ้นอย่างไร และมีความสัมพันธ์กับบทบาทของ “sugar baby” อย่างไร ภายใต้บริบทของเพศ ทุน และอำนาจในสังคมร่วมสมัย การสร้าง “คุณค่าของผู้หญิง” ในสังคมภูมิภาคเอเชียปัจจุบันไม่ได้ถูกกำหนดโดยปัจเจกบุคคลเพียงลำพัง แต่เป็นผลลัพธ์จากกระบวนการทางสังคม วัฒนธรรม และโครงสร้างอำนาจที่หล่อหลอมซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านสถาบันต่าง ๆ เช่น ครอบครัว ศาสนา สื่อ และเศรษฐกิจทุนนิยม1 ประการสำคัญต่อมาแนวคิดเรื่อง “ผู้หญิงที่ดี” หรือ “ผู้หญิงที่มีคุณค่า” มักถูกผูกโยงกับลักษณะเฉพาะ เช่น ความงาม ความเรียบร้อย ความเสียสละ หรือบทบาทในฐานะภรรยาและแม่ที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอุดมคติที่เกิดจากสังคมปิตาธิปไตย ส่งผลให้ “คุณค่า” ของผู้หญิงเริ่มถูกตีความใหม่ผ่านกรอบของการบริโภคและความสามารถในการสร้างมูลค่า เช่น รูปร่างหน้าตา การดูแลตนเอง ความสามารถในการใช้โซเชียลมีเดีย หรือการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ดังนั้น ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยจึงกลายเป็น “สินค้าเชิงภาพลักษณ์” ที่ต้องแข่งขันกันเพื่อ “การถูกมอง” และ “การได้รับการยอมรับ” ในฐานะที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ความสวยจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนบุคคล แต่กลายเป็นทุนทางเพศที่สามารถแปรเป็นโอกาสในการเข้าถึงชีวิตที่ดีกว่า เช่น  การได้คู่ครองที่มีฐานะ การได้งาน หรือการเข้าสู่วงการบันเทิง เป็นต้น 

บทบาทของ “sugar baby” ในสังคมภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เพียงรูปแบบของความสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยนระหว่างหญิงสาวกับชายผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจ หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนแนวคิดเรื่องคุณค่าของผู้หญิงที่ผูกติดกับระบบทุน ชุดความเชื่อเรื่องความงาม และบทบาททางเพศที่ยังคงถูกกำหนดโดยโครงสร้างปิตาธิปไตยชายเป็นใหญ่ ทำให้ผู้หญิงในบริบทดังกล่าวมิได้ถูกมองในฐานะปัจเจกบุคคลที่มีศักยภาพเท่าเทียม หากแต่ถูกลดทอนคุณค่าไปสู่การเป็น “ทุนเชิงสัญลักษณ์” ที่ถูกนำไปแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างสถานะทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของผู้ชายผู้มีอำนาจ ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ลักษณะนี้ยังสะท้อนความไม่สมดุลเชิงโครงสร้างระหว่างเพศ ที่ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากต้องเลือกใช้เรือนร่าง ความเยาว์วัย และความงามเป็นกลไกในการเข้าถึงทรัพยากรทางเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้บริบทที่โอกาสเชิงโครงสร้างด้านการศึกษา การงาน และการเลื่อนชนชั้นยังมีข้อจำกัด อันเป็นการตอกย้ำพลวัตเชิงอำนาจและการผลิตซ้ำความเหลื่อมล้ำทางเพศในสังคมร่วมสมัย  

ประการต่อมาในมิติของเศรษฐศาสตร์การเมือง ความสัมพันธ์เชิง sugar dating สะท้อนให้เห็นกลไกของระบบทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่ทำให้เรือนร่างและความสัมพันธ์ส่วนบุคคลกลายเป็นสินค้า (commodification) การเจรจาต่อรองความสัมพันธ์เชิงเพศถูกทำให้เป็นไปตามชุดความคิดของการตลาด ซึ่งเชื่อมโยงกับความไม่เท่าเทียมเชิงโครงสร้างด้านชนชั้น เพศ และอำนาจทางเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ดังกล่าวจึงไม่ใช่เพียงประเด็นปัจเจก แต่เป็นการจัดวางผู้หญิงในห่วงโซ่แห่ง “การค้าความสัมพันธ์” ที่รองรับการขยายตัวของทุนในสังคมเอเชีย นอกจากนี้การขยายตัวของเทคโนโลยีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ยังทำให้ความสัมพันธ์ลักษณะนี้สามารถข้ามพรมแดนทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดการจัดตั้งตลาดเชิงสังคมใหม่ที่ผูกโยงทั้งเศรษฐกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจโลก โดยมีเรือนร่างของผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และอำนาจ ในแง่นี้ sugar baby จึงมิใช่เพียงภาพตัวแทนของการพึ่งพาบุรุษผู้มีทุน หากยังเป็นกลไกที่สะท้อนพลวัตของทุนนิยมเสรีนิยมใหม่ที่ทำให้ความใกล้ชิดและความสัมพันธ์ส่วนตัวถูกทำให้เป็นสินค้าในตลาดโลก  

บทบาท “sugar baby” มักถูกมองผ่านเลนส์ของความน่าทะนุถนอม ความอ่อนเยาว์ รูปลักษณ์ และความสามารถในการเอาใจผู้ชาย เพื่อแลกกับการสนับสนุนทางการเงินหรือไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ซึ่งสะท้อนว่าคุณค่าของผู้หญิงไม่ได้ถูกประเมินจากความสามารถหรือศักยภาพภายใน แต่มักถูกผูกโยงกับ “มูลค่าของสิ่งที่ให้ได้” จากชายผู้มีอำนาจภายใต้รูปแบบความสัมพันธ์นั้น ๆ2 เมื่อสังคมหนึ่งที่ยังคงมีอิทธิพลของระบบชนชั้น ความต่างวัย และการให้คุณค่าแก่ผู้ชายในฐานะผู้อุปถัมภ์ ดังนั้นการเป็น sugar baby ของผู้หญิง จึงมิใช่เป็นเพียงแค่เรื่องส่วนตัว หากยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่สมดุล จากปรากฎการณ์ทางสังคมดังกล่าวนิยามของ Sugar daddy หมายถึง ผู้ชายที่ร่ำรวยและมีอายุมากกว่า ซึ่งให้ของขวัญและเงินแก่คนอายุน้อยกว่าเพื่อแลกกับความเป็นเพื่อนหรือความต้องการทางเพศ โดยบริษัทสื่อ seasia.stats ได้อ้างอิงผลสำรวจที่ทำเกี่ยวกับ 10 ประเทศในเอเชียที่มีจำนวน Sugar Daddy มากที่สุด ตัวอย่างข้อมูลผลการสำรวจอันดับต้น ๆ ของรายชื่อประเทศในภูมิภาคเอเชีย พบว่า อันดับที่ 1 คือ ประเทศอินเดียมี Sugar Daddy อยู่จำนวน 338,000 ราย ประเทศอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่ 2 โดยมี Sugar Daddy จำนวน 60,250 ราย ในขณะที่ประเทศมาเลเซียและญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 3 ร่วมกัน โดยมี Sugar Daddy จำนวน 32,500 ราย และอันดับสุดท้ายในรายการที่พบรายงานการสำรวจคือ กัมพูชา ซึ่งมี Sugar Daddy จำนวน 3,500 ราย3                               

รูป 1 ASIAN COUNTRIES WITH THE HIGHEST NUMBER OF SUGAR DADDIES 
ที่มา: https://www.8days.sg/entertainment/asian/singapore-did-not-make-it-list-countries-most-sugar-daddies-840741   
สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2568

“Sugar baby” “อาชีพทางเลือก?” หรือ “อาชีพทางรอด?” หรือ “การขาดทางเลือก?”

“sugar baby” ไม่ได้เป็นเพียงนิยามของหญิงสาวที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากคู่สัมพันธ์ที่มีฐานะมั่งคั่งเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการต่อรองทางอัตลักษณ์และการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ในบริบทที่สังคมกำหนดคุณค่าของผู้หญิงภายใต้กรอบความคิดแบบชายเป็นใหญ่และระบบทุนนิยม แม้ว่าการเป็น “sugar baby” มักถูกเชื่อมโยงกับการแลกเปลี่ยน “ความรัก” หรือ “ความใกล้ชิด” กับผลตอบแทนทางวัตถุ ซึ่งมีรากฐานมาจากความแตกต่างด้านวัย ฐานะ และอำนาจในความสัมพันธ์ ในบางกรณีอาจดูเหมือนเป็นความสมัครใจ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เผยให้เห็นถึงแรงกดดันเชิงโครงสร้างทั้งในระดับปัจเจกและระบบสังคม ที่หล่อหลอมให้ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยนิยาม “คุณค่า” ของตนเองผ่านการยอมรับและการอุปถัมภ์จากผู้อื่น

สถานภาพของผู้หญิงในภาพลักษณ์ของ sugar baby อาจใช้ต้นทุนทางเพศและทุนทางวัฒนธรรม เช่น ความงาม การพูดจา หรือการปฏิบัติตัวให้น่าทะนุถนอม สร้างความเป็นที่รักใคร่ เพื่อเป็นเครื่องมือต่อรองให้ตนเองมี “มูลค่า” หรือ “โอกาส” ในระบบเศรษฐกิจและสังคมที่จำกัดทางเลือกแก่ผู้หญิงที่มีสถานภาพจำกัด ต้องเผชิญกับความยากจน การขาดโอกาสทางการศึกษา และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาครอบครัวที่แตกแยกไร้ที่พึ่งพิง อย่างไรก็ตาม การเป็น sugar baby ไม่ควรถูกเข้าใจเพียงมิติของการขายบริการหรือความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยเท่านั้น เพราะอีกด้านหนึ่งสะท้อนถึงการต่อรองและความพยายามของผู้หญิงในการจัดการกับโครงสร้างทางสังคมที่กดทับ โดยอาศัยเครื่องมือที่ตนสามารถเข้าถึงสิ่งที่ดีกว่าได้ แม้เครื่องมือนั้นจะถูกตีตราในทางศีลธรรมก็ตาม ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงผลผลิตจากการถูกครอบงำโดยชุดความเชื่อ โครงสร้างทางสังคมด้านความงามของผู้หญิง และความยากจนที่ไม่มีทางเลือก ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างการเป็น “sugar baby” กับการสร้างคุณค่าของผู้หญิงในสังคมได้กลับกลายเป็นความย้อนแย้งระหว่างความพยายามที่จะปลดปล่อยตนเองออกจากข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ ด้วยการใช้ทุนที่มีในเนื้อตัวร่างกายกับความเป็นจริงที่บทบาทของผู้หญิงยังถูกควบคุมโดยสังคมชายเป็นใหญ่ ซึ่งตีกรอบผู้หญิงให้มีค่าเฉพาะเมื่อสามารถสนองตอบต่อความพึงพอใจของฝ่ายชายได้ ดังนั้น หากตั้งคำถามต่อโครงสร้างทางสังคมที่ทำให้ผู้หญิงต้องนิยามคุณค่าตนเองผ่านสายตาผู้อื่น จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างความเข้าใจใหม่ที่ควรพิจารณาในแง่มุมความเท่าเทียมและความหลากหลายให้มากยิ่งขึ้น 

รูป 2 A woman and her sugar daddy on a date. Photo: Dating Scout 
ที่มา: https://thaicyclopedia.com/love-for-sale-unpacking-thailands-sugar-dating-and-gik-culture/   
สืบค้นเมื่อ 5 สิงหาคม 2568

บทบาทของ “sugar baby” ในแง่ของการตั้งคำถามถึงเส้นแบ่งระหว่าง “อาชีพทางเลือก” กับ “ความจำเป็นเชิงโครงสร้างที่จำกัดทางเลือกของผู้คน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีสถานภาพจำกัด ดังนั้น สำหรับผู้หญิงบางคนแล้ว การเป็น sugar baby อาจถูกมองว่าเป็น “ทางเลือก” ที่เกิดจากความสมัครใจ เพื่อเป็นหนทางแสวงหารายได้ สร้างความมั่นคง หรือเพื่อบรรลุเป้าหมายในชีวิตที่สังคมบริโภคนิยมได้หล่อหลอมให้เกิดความต้องการ หรือเพื่อดิ้นรนให้ตนเองอยู่รอด สร้างโอกาสชีวิตที่ดีกว่าจากเส้นทางลัดที่รวดเร็ว ซึ่งสามารถออกแบบได้ด้วยตนเองผ่านการหยิบใช้รูปลักษณ์และเรือนร่างที่ดี เพื่อไขว่คว้าให้ได้มาซึ่งปัจจัยที่ต้องการ เช่น บ้าน รถ การศึกษา หรือสถานะทางสังคมที่สูงขึ้น4 เสมือนเป็นกลไกการต่อรองกับระบบของทุนรูปแบบอื่นๆ เช่น ทุนการศึกษา หรือต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เป็นสิ่งกีดกันทำให้ผู้หญิงที่มีข้อจำกัดต้องหลุดออกจากความมั่งคั่ง 

อย่างไรก็ตาม ในระดับโครงสร้างทางสังคมสะท้อนว่า ทางเลือกนี้อาจไม่ได้เกิดจากความสมัครใจโดยแท้จริง แต่เป็น “การเลือกที่ถูกบีบบังคับ” ภายใต้แรงกดดันของความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะในบริบทสังคมที่ความยากจนยังคงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับประชากรกลุ่มใหญ่ และการสร้างความฝันถึง “การมีชีวิตที่ดี” ถูกทำให้กลายเป็นสินค้า (commodification) กล่าวคือ กระบวนการที่สิ่งของ วัฒนธรรม หรือแม้แต่ตัวบุคคล ถูกเปลี่ยนให้มีสถานะเป็นสินค้าเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนในตลาด โดยเน้นที่มูลค่าทางเศรษฐกิจและความสามารถในการทำกำไร มากกว่าคุณค่าดั้งเดิมหรือความสำคัญอื่น ๆ บุคคลนำเสนอตัวเองในฐานะสินค้า โดยเน้นทักษะและความสามารถที่ตลาดต้องการ เพื่อสร้างโอกาสทางอาชีพและรายได้ ในแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัวอาจถูกทำให้กลายเป็นสินค้า โดยเน้นผลประโยชน์ที่ได้รับจากความสัมพันธ์นั้น ๆ5 รวมถึงปรากฏการณ์ทางสังคมเมื่อการทำให้เป็นสินค้า (commodification) ของผู้หญิงแสดงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในยุคปัจจุบันที่มีความเข้มข้นจากโฆษณา ดารา อินฟลูเอนเซอร์ หรือแม้แต่นโยบายของรัฐที่เชิดชูความสำเร็จเชิงวัตถุ เหล่านี้ล้วนผลักให้ผู้หญิงจำนวนมากเกิดชุดความเชื่อที่ต้องนิยามคุณค่าของตนเองด้วยการเข้าถึงทุนและสิ่งของ 

บทส่งท้าย

กล่าวได้ว่า บทบาทของ sugar baby ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของปัจเจกบุคคล แต่เป็นผลผลิตของการครอบงำทางความคิดและพฤติกรรมเชิงโครงสร้างทางสังคม ทั้งในเรื่องของความงาม ความรักกับผลตอบแทน สังคมบริโภคนิยม และระบบทุนนิยม การที่ผู้หญิงยอมเข้าสู่ระบบความสัมพันธ์เชิงแลกเปลี่ยนนี้สะท้อนให้เห็นว่า สังคมได้ทำให้ “ความรักกลายเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง” และทำให้ “การขายความรัก” กลายเป็นกลไกทางรอดหนึ่งในโลกที่ไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับผู้หญิงบางคน ดังนั้น การเป็น sugar baby อาจเป็นได้ทั้ง “อาชีพทางเลือก” ที่ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกว่าตนมีอำนาจ สิทธิ ความชอบธรรม รวมถึงการต่อรองในการตัดสินใจ ขณะเดียวกันก็อาจเป็นสัญลักษณ์ของ “การขาดทางเลือก” สำหรับผู้ที่ถูกผลักให้เข้าสู่ระบบที่มองไม่เห็นทางเลือกอื่น ๆ ใดอีกของชีวิตภายใต้โครงสร้างทางสังคมที่กำหนดว่า ใครมีสิทธิเข้าถึงชีวิตที่มั่นคง มั่งคั่ง และใครที่จะต้องแลกเปลี่ยน “ตัวตน” เพื่อความอยู่รอดการดำเนินเส้นทางชีวิตบนโลกใบนี้ 


เอกสารอ้างอิง

  1. Spectrum. (2024, October 5). เป็น Sugar Baby ผิดไหม ถ้าฉันเป็นเฟมินิสต์?. Spectrum. https://spectrumth.com/is-sugarbaby-feminism/ 
  2. Sugarbook. (n.d.). WHAT IT MEANS TO BE A Sugar Daddy. https://sugarbook.com/en-th/sugar-daddy
  3. Koh, Jiamun. (2025, February 9). Singapore did not make it onto list of top 10 Asian countries with most sugar daddies. https://www.8days.sg/entertainment/asian/singapore-did-not-make-it-list-countries-most-sugar-daddies-840741
  4. ThaiCyclopedia. (2025, February 6). Love for Sale: Unpacking Thailand’s Sugar Dating and Gik Culture. https://thaicyclopedia.com/love-for-sale-unpacking-thailands-sugar-dating-and-gik-culture/
  5. Dolan, Eric. W. (2024, February 5). The psychology of sugar dating: New research dives deep into the realities of sugar arrangements. https://www.psypost.org/the-psychology-of-sugar-dating-new-research-dives-deep-into-the-realities-of-sugar-arrangements/#google_vignette

 

 


Tags :

CONTRIBUTOR

Related Posts
Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th