The Prachakorn

กว่าจะยอมรับได้ว่าเป็นโรคซึมเศร้า


เศร้าซึม Ep.1

03 ตุลาคม 2568
125



การยอมรับว่าตนเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้านับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในกระบวนการรักษา ผู้เขียนใช้เวลากว่าสามปี ผ่านการหยุดยา ปรับยา และกลับมาใช้ยาใหม่หลายครั้ง อาการดีขึ้นและทรุดลงสลับกันอย่างไม่แน่นอน ปัญหาที่แท้จริงจึงไม่ใช่เพียงความผันผวนของอาการทางคลินิก หากแต่คือความยากลำบากในการยอมรับว่าตนเองเป็นผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่องและมีวินัย การก้าวข้าม “การปฏิเสธ” เพื่อเดินเข้าสู่ “การยอมรับ” จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญของการรักษาที่ได้ผล

ประสบการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทหรือความผิดปกติของระบบฮอร์โมนที่อาจต้องรักษาด้วยยา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวมทั้งหมดของภาวะซึมเศร้าเท่านั้น

ทำไมจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ป่วยบางคน ที่จะยอมรับว่าตนเองมีโรคซึมเศร้าที่ต้องใช้ยา

งานวิจัยหลายชิ้นชี้ตรงกันว่า การยอมรับว่าตนเองมีภาวะซึมเศร้าและจำเป็นต้องใช้ยานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สาเหตุปัจจัยมีทั้งความเข้าใจผิด ความเชื่อส่วนบุคคล มายาคติ การตีตราทางสังคม และอุปสรรคอื่นๆ ในชีวิต ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยมองว่าซึมเศร้าเป็นแค่อาการชั่วคราวหรือไม่รุนแรง จึงคิดว่ายาไม่จำเป็นหรือไม่น่าจะช่วยอะไรได้ (Elwy et al., 2011) หลายคนยังเชื่อว่าสาเหตุของโรคมาจากปัจจัยทางสังคมมากกว่าด้านชีววิทยาหรือจิตวิทยา จึงมักเลือกวิธีอื่น เช่น การพบนักจิตบำบัดแทนการพบจิตแพทย์และการใช้ยา เป็นต้น (Houle et al., 2013) 

การตีตราทั้งจากสังคมและจากตนเอง (self-stigma) คือ อุปสรรคใหญ่ ผู้ป่วยที่รู้สึกอายหรือกลัวการถูกมองในแง่ลบ มักเริ่มต้นด้วยการลดทอนความรุนแรงของอาการในสายตาตัวเอง ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษา (Schomerus et al., 2012; Kamaradova et al., 2016) ความกังวลต่อการถูกคนรอบข้างตัดสินยิ่งเพิ่มความลังเลที่จะไปพบแพทย์ (Heinz et al., 2021; Campbell et al., 2016; Givens et al., 2007) ความกลัวผลข้างเคียงหรือการพึ่งพายาต้านซึมเศร้าก็ทำให้บางคนไม่ใช้ยาอย่างต่อเนื่อง (Hansen & Kessing, 2007; Adams et al., 2008) โดยเฉพาะผู้ที่มีการตีตราตนเองสูง มักมีทัศนคติแง่ลบต่อยาจิตเวช ทำให้โอกาสในการรักษาลดน้อยลงไปอีก (Gaudiano & Miller, 2013)

ถึงตรงนี้บอกได้เลยว่า ประสบการณ์ของผู้เขียนแทบไม่ต่างจากสิ่งที่งานวิจัยมากมายพบในผู้ป่วยซึมเศร้ารายอื่นๆ ความลังเล ความกังวลต่อการใช้ยา ความกลัวการถูกตีตรา การไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับจากคนรอบข้าง ตลอดจนการตีตราตนเองที่มีภาวะซึมเศร้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาวะซึมเศร้ายังคงหมุนเวียนอยู่ในวัฏจักรที่ยากจะคลี่คลาย

แม้ภาวะซึมเศร้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรคจากความลังเล ความกลัว และการตีตรา แต่งานวิจัยก็ได้เสนอแนวทางที่ช่วยคลี่คลายวงจรเหล่านี้ได้ เช่น

Positive Psychology: การเยียวยาด้วยพลังด้านบวก

มีงานวิจัยยืนยันว่าจิตวิทยาเชิงบวกสามารถช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและเสริมสร้างความสุขได้อย่างยั่งยืน โดยเน้นการสร้างพลังจากสิ่งที่มนุษย์มีอยู่แล้ว เช่น ความกตัญญู การให้อภัย ความหวัง และการใช้จุดแข็งของตัวเอง มากกว่าการมุ่งแก้ไขข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียว (Chen & Yu, 2019; Blanco et al., 2020) ตัวอย่างสิ่งที่ทำได้ในชีวิตประจำวัน จดสิ่งที่รู้สึกขอบคุณ 2–3 เรื่องในแต่ละวัน เพื่อสร้างทัศนคติเชิงบวก ฝึกปล่อยวางความผิดพลาดของตนเองและผู้อื่น เพื่อลดภาระทางใจ มองหาจุดแข็งของตนเอง เช่น ความพยายาม ความคิดสร้างสรรค์ หรือความเมตตา และนำมาใช้จริงในชีวิตประจำวัน และ มองหาคุณค่าหรือความหมายที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่ทำและประสบการณ์ที่ผ่านมา

Cognitive Reappraisal: การปรับมุมมองเพื่อลดภาวะซึมเศร้า

อีกแนวทางหนึ่งที่ได้รับความสนใจคือ Cognitive Reappraisal Interventions หรือการ “ปรับกรอบความคิด” เพื่อจัดการอารมณ์ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก วิธีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะมองเหตุการณ์จากมุมใหม่ ลดผลกระทบทางลบของอารมณ์ และเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางใจ 

ตัวอย่างการฝึก Cognitive Reappraisal

  • มองความขัดแย้งจากอีกมุมหนึ่ง: หากมีปัญหากับคนใกล้ตัว ลองคิดว่าอีกฝ่ายอาจมีเหตุผลหรือแรงกดดันบางอย่าง มิได้ตั้งใจทำร้ายเรา
  • เปลี่ยนการตีความเหตุการณ์: ความล้มเหลวอาจไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นโอกาสเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง
  • ลดการเหมารวมเชิงลบ: แทนที่จะคิดว่า “ฉันไม่เก่งเลย” อาจปรับเป็น “ครั้งนี้ฉันยังทำได้ไม่ดี แต่ฉันยังมีโอกาสแก้ไข”

งานวิจัยพบว่า การฝึกปรับมุมมองเช่นนี้ช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ที่มีความกังวลด้านความสัมพันธ์สูง เพราะสามารถจัดการกับอารมณ์ที่กระทบใจโดยตรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Rodriguez et al., 2020)

จากนี้ไป หากต้องการหลุดพ้นจากภาวะซึมเศร้าที่ขึ้นๆ ลงๆ ผู้เขียนไม่เพียงต้องมีวินัยในการใช้ยาและพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอเท่านั้น แต่การฝึกขอบคุณตัวเองในแต่ละวัน ชื่นชมสิ่งเล็กๆ ที่ทำได้ และให้อภัยในความผิดพลาด ก็อาจช่วยเสริมให้การรักษาด้วยยามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุด การฟื้นตัวจากภาวะซึมเศร้าอาจไม่ใช่เส้นทางที่ราบเรียบ แต่ทุกก้าวเล็กๆ ที่ก้าวไปด้วยความเข้าใจและการยอมรับตนเอง ย่อมเป็นพลังสำคัญที่พาเราเข้าใกล้ความสงบและความสุขที่ยั่งยืนมากขึ้นทุกวัน


อ้างอิง

  • Adams, S. M., Miller, K. E., & Zylstra, R. G. (2008). Pharmacologic management of adult depression. American Family Physician, 77(6), 785–792. https://www.scopus.com/pages/publications/42449114843?origin=scopusAI
  • Blanco, I., Contreras, A., Chaves, C., & Vázquez, C. (2020). Positive interventions in depression change the structure of well-being and psychological symptoms: A network analysis. Journal of Positive Psychology, 15(5), 620–629. https://www.scopus.com/pages/publications/85087720104?origin=scopusAI
  • Campbell, D. G., Bonner, L. M., Bolkan, C. R., Chaney, E. F., & others. (2016). Stigma predicts treatment preferences and care engagement among Veterans Affairs primary care patients with depression. Annals of Behavioral Medicine, 50(4), 533–544. https://www.scopus.com/pages/publications/84959514565?origin=scopusAI
  • Chen, J.-H., & Yu, M.-N. (2019). Effects of positive psychology interventions on well-being and depression: A meta-analysis. Bulletin of Educational Psychology, 51(4), 589–606. https://www.scopus.com/pages/publications/85112241651?origin=scopusAI
  • Elwy, A. R., Yeh, J., Worcester, J., & Eisen, S. V. (2011). An illness perception model of primary care patients' help seeking for depression. Qualitative Health Research, 21(11), 1363–1375. https://www.scopus.com/pages/publications/80053326462?origin=scopusAI
  • Gaudiano, B. A., & Miller, I. W. (2013). Self-stigma and attitudes about treatment in depressed patients in a hospital setting. International Journal of Social Psychiatry, 59(6), 586–591. https://www.scopus.com/pages/publications/84883384957?origin=scopusAI
  • Givens, J. L., Katz, I. R., Bellamy, S., & Holmes, W. C. (2007). Stigma and the acceptability of depression treatments among African Americans and whites. Journal of General Internal Medicine, 22(9), 1292–1297. https://www.scopus.com/pages/publications/34547883963?origin=scopusAI
  • Hansen, H. V., & Kessing, L. V. (2007). Adherence to antidepressant treatment. Expert Review of Neurotherapeutics, 7(3), 297–308. https://www.scopus.com/pages/publications/33846194258?origin=scopusAI
  • Heinz, I., Baldofski, S., Beesdo-Baum, K., & Rummel-Kluge, C. (2021). “Doctor, my back hurts and I cannot sleep.” Depression in primary care patients: Reasons for consultation and perceived depression stigma. PLoS ONE, 16(2), e0246931. https://www.scopus.com/pages/publications/85102651408?origin=scopusAI
  • Houle, J., Villaggi, B., Beaulieu, M.-D., Lambert, J., & others. (2013). Treatment preferences in patients with first episode depression. Journal of Affective Disorders, 147(1–3), 94–100. https://www.scopus.com/pages/publications/84875370572?origin=scopusAI
  • Kamaradova, D., Latalova, K., Prasko, J., & Tichackova, A. (2016). Connection between self-stigma, adherence to treatment, and discontinuation of medication. Patient Preference and Adherence, 10, 1289–1296. https://www.scopus.com/pages/publications/84984940597?origin=scopusAI
  • Rodriguez, L. M., Lee, K. D. M., Onufrak, J., & Bryan, J. (2020). Effects of a brief interpersonal conflict cognitive reappraisal intervention on improvements in access to emotion regulation strategies and depressive symptoms in college students. Psychology & Health, 35(12), 1461–1481. https://www.scopus.com/pages/publications/85079807589?origin=scopusAI
  • Schomerus, G., Auer, C., Rhode, D., & Schmidt, S. (2012). Personal stigma, problem appraisal and perceived need for professional help in currently untreated depressed persons. Journal of Affective Disorders, 139(1), 94–97. https://www.scopus.com/pages/publications/84860343905?origin=scopusAI

 


Tags :

CONTRIBUTOR

Related Posts
Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th