บทความฉลากหวานมันเค็มเดินทางมาถึงตอนที่ 4 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของฉลากอาหารแล้ว ผู้เขียนเล่าปัจจัยที่มีผลต่อการใช้ฉลากหวานมันเค็มของเด็กไทย การเลือกใช้ฉลากหวานมันเค็มและฉลากเขียวเหลืองแดงของเด็กไทย และเด็กไทยถูกใจฉลากคำเตือนแบบไหน ในตอนที่ 4 ผู้เขียนขอแนะนำฉลากแบ่งเกรดอาหารซึ่งเป็นฉลากหวานมันเค็มอีกรูปแบบหนึ่ง และประเทศไทยก็ยังไม่ได้นำฉลากรูปแบบนี้มาใช้ และนำคุณผู้อ่านไปติดตามความเข้าใจของเด็กไทยที่มีต่อฉลากแบ่งเกรดนี้กันค่ะ
ฉลากแบ่งเกรดอาหารมีชื่อสากลว่า “Nutri-Score” เป็นฉลากด้านหน้าบรรจุภัณฑ์อาหารที่พัฒนาขึ้นครั้งแรกในประเทศฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ. 2017 ปัจจุบันหลายประเทศในทวีปยุโรป เช่น เบลเยียม สเปน เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก นำฉลากนี้ไปใช้1 ฉลากแบ่งเกรดอาหารนี้ใช้ตัวอักษร A ถึง E วางอยู่บนพื้นหลังที่มีสีต่างๆ 5 สี เริ่มจากเขียวเข้ม เขียวอ่อน เหลือง ส้ม และแดง เพื่อจัดอันดับและบอกระดับคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหารนั้น โดยมีการให้คะแนนเป็นสองส่วน ส่วนแรก ให้คะแนนจากปริมาณพลังงาน น้ำตาล ไขมันอิ่มตัว โซเดียม แต่ละด้านมีคะแนนจาก 0 ถึง 10 ความเป็นไปได้ของคะแนนรวมในส่วนแรกจึงเท่ากับ 0 ถึง 40 ยิ่งได้คะแนนสูง ยิ่งเป็นอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการต่ำ และไม่ดีต่อสุขภาพ และส่วนที่สอง ให้คะแนนจากปริมาณผัก-ผลไม้ ใยอาหาร โปรตีน แต่ละด้านมีคะแนนจาก 0 ถึง 5 ความเป็นไปได้ของคะแนนรวมในส่วนนี้จึงเท่ากับ 0 ถึง 15 ยิ่งได้คะแนนสูง ยิ่งนำไปลดหย่อนคะแนนของพลังงาน น้ำตาล ไขมันอิ่มตัว โซเดียม ในผลิตภัณฑ์อาหารนั้นๆ2
เมื่อรวมคะแนนทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน แล้วตัดเกรดออกเป็นน 5 ระดับ เริ่มจากระดับที่ 1 เกรด A (คะแนน -1 หรือต่ำกว่า) สีเขียวเข้ม หมายถึง อาหารนี้มีคุณค่าทางโภชนาการดีต่อสุขภาพที่สุด ระดับที่ 2 เกรด B (0-2 คะแนน) สีเขียวอ่อน คือ อาหารนี้มีคุณค่าทางโภชนาการดีต่อสุขภาพ ระดับที่ 3 เกรด C (3-10 คะแนน) สีเหลือง หมายถึงพอใช้ ระดับที่ 4 เกรด D (11-18 คะแนน) สีส้ม คือ ไม่ควรบริโภคบ่อย และระดับที่ 5 เกรด E (≥ 19 คะแนน) สีแดง หมายถึง ควรจำกัดการบริโภคหรือไม่ควรบริโภค2 การใช้สีของฉลากรูปแบบนี้คล้ายคลึงกับสัญญาณไฟจราจรหรือฉลากเขียวเหลืองแดงในการดึงดูดความสนใจ เพื่อทำให้ผู้บริโภคเห็นคุณค่าทางโภชนาการของอาหารได้อย่างรวดเร็วและเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น3 (ดูรูป)
รูป ฉลากแบ่งเกรดอาหาร
ที่มาของรูป https://get.apicbase.com/nutri-score-science-based-nutritional-value-labelling-system/
สืบค้นเมื่อ 3 กันยายน 2568
ผู้เขียนชวนคุณผู้อ่านตามไปค้นหากันตอบด้วยกันจากโครงการติดตามสถานการณ์การตลาดอาหารและเครื่องดื่มในเด็กของประเทศไทย ได้ดำเนินการสำรวจจากกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 10–18 ปีทั่วประเทศ รวม 2,113 คน โดยสอบถามเด็กว่า “รูปภาพฉลากนี้ (รูปฉลากแบ่งเกรดอาหาร) เป็นการแบ่งเกรดอาหารและเครื่องดื่ม ฉลากนี้จะช่วยเตือนหนูหรือทำให้หนูเข้าใจว่า ขนมเหล่านี้ไม่ดีต่อสุขภาพ ใช่หรือไม่?” คำตอบมีตัวเลือก 2 ตัวเลือก ได้แก่ (1) ใช่ (2) ไม่ใช่4
ผลการศึกษาพบว่า เด็กไทย 3 ใน 5 คน (ร้อยละ 66) ตอบว่า “ใช่” ซึ่งหมายความว่า เด็กไทยรับรู้และตีความว่าฉลากแบ่งเกรดอาหารจะช่วยเตือนหรือทำให้พวกเขาเข้าใจว่า ขนมเหล่านี้ไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่อพิจารณาตามเพศ พบว่า สัดส่วนการช่วยเตือนหรือทำให้เข้าใจฯ ของฉลากแบ่งเกรดอาหารแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยระหว่างเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง (ดูแผนภูมิที่ 1-2)
ผู้เขียนขอใช้ทฤษฎีรหัสคู่ (Dual Coding Theory) มาอธิบายข้อค้นพบนี้ค่ะ ทฤษฎีนี้อธิบายว่า คนเรามีระบบการประมวลผลข้อมูล 2 แบบ คือ (1) ระบบภาษา ซึ่งเป็นตัวอักษรประกอบกันเป็นข้อความ และ (2) ระบบภาพ สองระบบนี้สามารถทำงานแยกกันหรือร่วมกันได้ ข้อความมักถูกประมวลผลในระบบภาษาเพียงอย่างเดียว แต่ภาพจะถูกประมวลผลทั้งในระบบภาษาและระบบภาพ เมื่อมีการเชื่อมโยงกันระหว่างสองระบบ ทำให้การจดจำมีความละเอียดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการใช้ข้อความร่วมกับภาพ จึงช่วยให้เข้าใจและจำได้ดีกว่าใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง5
ในกรณีของฉลากแบ่งเกรดอาหารใช้สีและตัวอักษรเกรด (A–E) จึงกระตุ้นทั้งการรับรู้ด้วยสายตาและการตีความข้อความพร้อมกัน เมื่อข้อมูลถูกเข้ารหัสสองระบบคือทั้งระบบภาพ (สีของฉลาก) และระบบภาษา (ตัวอักษรของเกรด) จึงทำให้เด็กไทยไม่ว่าหญิงหรือชายเข้าใจฉลากแบ่งเกรดง่ายขึ้น นอกจากนี้ งานวิจัยของประเทศฝรั่งเศสยังยืนยันด้วยว่า ทั้งผู้ชายและผู้หญิงในประเทศเบลเยี่ยม บัลแกเรีย เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษสามารถตีความฉลากแบ่งเกรดอาหารได้ใกล้เคียงกัน รวมทั้งชายและหญิงเลือกอาหารได้ดีขึ้นโดยไม่มีความเหลื่อมล้ำทางเพศ1
เด็กไทยสามารถทำความเข้าใจฉลากแบ่งเกรดอาหารได้เป็นอย่างดี ดังนั้น งานวิจัยในอนาคตควรมุ่งเน้นการศึกษาด้วยวิธีเชิงคุณภาพ เช่น การสนทนากลุ่มหรือการสัมภาษณ์เชิงลึกกับเด็ก เพื่อให้ได้คำตอบที่ครอบคลุมว่า ฉลากแบ่งเกรดอาหารสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพของเด็กได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นหลักฐานเชิงวิชาการยืนยันประสิทธิผลของมาตรการนี้ ก่อนที่จะขยายผลและผลักดันไปสู่การกำหนดนโยบายในระดับประเทศต่อไป
เอกสารอ้างอิง