เมื่อมีอายุมากขึ้น ผมก็คิดถึงวันที่จะต้องจากโลกนี้ไปบ่อยครั้งขึ้น ในช่วงเวลา 10 เดือนที่ผ่านมานี้เพื่อนพี่น้องรุ่นราวคราวเดียวกับผมหลายคนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” เป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อคนเรา “เกิด” มา มีลมหายใจก็ต้องมีอายุมากขึ้นในแต่ละนาที ชั่วโมง วัน เดือน ปีที่ผ่านไป เวลาของชีวิตที่ผ่านไปของคนเรานั้นคือ “แก่” หรือการมีอายุสูงขึ้น ในช่วงชีวิตของคนเรานั้น บางครั้งจะมีอาการ “เจ็บป่วย” มากบ้างน้อยบ้าง จนกระทั่งวันหนึ่งเราก็จะหมดลมหายใจ คือ “ตาย” จากโลกนี้ไป
ผมคิดถึงคำอวยพรไม่ว่าจากพระสงฆ์หรือพระฆราวาส ที่ขอให้ผู้รับพรมี “อายุ วรรณะ สุขะ พละ” แล้วก็มั่นใจว่านี่คือ พรสี่ประการที่ประเสริฐ และเป็นอมตะ โครงสร้างของสังคมไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากสังคมที่มีเด็กมาก มีคนแก่น้อย กลับหัวกลับหางกับสังคมไทยในอดีต เดี๋ยวนี้สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่มีเด็กน้อยและคนแก่มาก พรสี่ประการนี้ สอดรับกับปรากฏการณ์ “การสูงวัยของประชากรไทย” และที่น่าสนใจคือองค์การอนามัยโลก ได้ใช้แนวคิด “active ageing” เป็นกรอบนโยบายในการรองรับสถานการณ์ “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ของประชากรในประเทศต่างๆ
ก่อนที่จะคุยเรื่องการสูงวัยของประชากรกันต่อไป ผมขอทำความเข้าใจเรื่องคำศัพท์ “สูงอายุ” กับ “สูงวัย” เสียก่อน
ระหว่างปี 2555 ถึง 2565 ผมเป็นบรรณาธิการจัดทำ “รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย ประจำปี” ผมตั้งใจให้คำอธิบายซ้ำๆ ในรายงานทุกฉบับเกี่ยวกับศัพท์ภาษาไทยที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ ผมพูดเสมอว่าคำว่า “ผู้สูงอายุ” กับ “ผู้สูงวัย” มีความหมายเหมือนกัน แต่คำว่า “ผู้สูงอายุ” ฟังดูจะเหมาะสม และในรายงาน สถานการณ์ผู้สูงอายุไทยจะใช้คำว่า “ผู้สูงอายุ” มาโดยตลอด
สำหรับคำว่า “สังคมสูงอายุ” กับ “สังคมสูงวัย” ก็มีความหมายเหมือนกัน และใช้แทนกันได้เช่นเดียวกัน คือหมายถึงสังคมที่ประกอบด้วยผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วนที่สูงมาก แต่คำว่า “สังคมสูงวัย” ฟังดูจะกระชับกว่า โดยเฉพาะเมื่อมีคำวิเศษณ์ต่อท้ายขยายความว่าเป็นสังคมสูงวัยประเภทใด เช่น “สังคมสูงวัยอย่าง สมบูรณ์” “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด”
ทุกวันนี้ พวกเราคงเคยได้ยินคำว่า “สังคมผู้สูงอายุ” กันบ่อยๆ ซึ่งผู้ใช้คำนี้ก็คงหมายถึง “สังคมสูงอายุ” หรือ “สังคมสูงวัย” นั่นเอง แต่ถ้าเราคิดให้ละเอียดลงไปอีกหน่อย “สังคมผู้สูงอายุ” ฟังดูน่าจะมีความหมายแคบลงไปอีกนิด คือหมายถึง สังคมเฉพาะผู้สูงอายุซึ่งมีจำนวนและสัดส่วนมากขึ้น บางหน่วยงาน องค์กร หรือ โครงการที่เกี่ยวข้องกับ “ผู้สูงอายุ” โดยเฉพาะ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) การใช้คำว่า “สังคมผู้สูงอายุ” ก็ดูจะเหมาะสม สำหรับคำว่า “สังคมสูงอายุ” หรือ “สังคมสูงวัย” ที่ไม่มีคำว่า “ผู้” จะมีความหมายที่ครอบคลุมสังคมที่ประกอบด้วยผู้คนทุกวัยตั้งแต่ทารกแรกเกิด คนหนุ่มสาว คนวัยทำงาน ตลอดไปจนถึงคนวัยสูงอายุ หรือผู้สูงอายุ และการสูงวัยของประชากรนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับสังคมโดยรวม
เมื่อราว 20 กว่าปีก่อน โครงสร้างประชากรไทยได้เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจนขึ้น เมื่อเด็กเกิดในประเทศไทยแต่ละปีลดจำนวนลงเรื่อยๆ ในขณะที่คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เราเริ่มหันมาสนใจเรื่องการสูงวัยของประชากร ในช่วงนี้เอง ประเทศไทยได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และเพียงไม่กี่ปีถัดมา สัดส่วนผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไปก็เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดในปี 2548 ขณะเดียวกัน ประเทศไทยเองก็เริ่มตื่นตัวต่อประเด็นการสูงวัยของประชากรตั้งแต่ปี 2545 ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะประกาศกรอบนโยบาย active ageing ให้ประเทศต่างๆ ใช้เป็นแนวทาง
ในระยะแรกๆ คำว่า “active ageing” ทำให้พวกเราที่เกี่ยวข้องกับงานผู้สูงอายุสับสนไปบ้างว่าจะใช้ศัพท์ภาษาไทยว่าอะไรดี คำว่า “พฤฒิพลัง” ดูจะเป็นคำที่สวยงาม และมีความหมายว่าเป็น “พลังของผู้สูงอายุ” คำนี้ฟังดูก็น่าจะมีความหมายใกล้เคียงกับ “active ageing” มากทีเดียว เพียงแต่ว่าไปเน้นเฉพาะคนที่เป็นผู้สูงอายุแล้ว แต่ ageing คือกระบวนการที่คนมีอายุสูงขึ้นซึ่งมีความหมายครอบคลุมตลอดชีวิตของคนตั้งแต่เกิด แก่ ไปจนกระทั่งตาย
มีคนแปล active ageing เป็นภาษาไทยอีกหลายคำ เช่น การสูงวัยอย่างมีชีวิตชีวา การสูงวัยอย่างกระฉับกระเฉง
ผมเสนอคำว่า “การสูงวัยอย่างมีพลัง” และได้ติดตามการใช้คำนี้มาตลอด เป็นที่น่ายินดีว่ามีการใช้คำนี้กันอย่างแพร่หลายพอสมควรในปัจจุบัน “การสูงวัยอย่างมีพลัง” มาจากคำว่า “การสูงวัย” (ageing) ประสมกับคำว่า “อย่างมีพลัง” (active) และเมื่อไปดูพรประเสริฐสี่ประการของคนไทย ก็เห็นได้ว่ามีความหมายสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
อายุ: อายุยืนนานปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ตายก่อนวัยอันสมควร ไม่ตายด้วยสาเหตุอันไม่สมควร
วัณณะ: ผิวพรรณงดงาม หน้าตาผ่องใสมีราศี แสดงว่าเป็นผู้มีสุขภาพดี และมีจิตใจแจ่มใส
สุขะ: ความสุข ทั้งสุขกายและสุขใจ ปราศจากทุกข์ใดๆ
พละ: กำลังแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ
ศัพทานุกรมการวิจัยประชากรและสังคมได้ให้คำจำกัดความของ “การสูงวัยอย่างมีพลัง (active ageing)” ว่าหมายถึง “กระบวนการที่คนในสังคมเจริญวัยขึ้นอย่างมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ มีความมั่นคงในชีวิต มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในกิจกรรมทางสังคมเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และทำหน้าที่ของพลเมืองที่ดีเป็นประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ”
มีศัพท์เกี่ยวกับการสูงวัยอีกสองสามคำที่มีความหมายไปด้วยกันได้อย่างดีกับ “การสูงวัยอย่างมีพลัง” ลองฟังดูนะครับ
“การสูงวัยอย่างมีสุขภาพดี มีพลัง และยังประโยชน์” ภาษาอังกฤษ อาจใช้คำว่า “healthy, active and productive ageing” ถ้าเราสามารถทำให้คนไทยเจริญวัยขึ้นอย่างนี้ได้ เมืองไทยก็จะเป็นสวรรค์บนดินอย่างแน่นอนครับ
