ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อสุชิตา (ชู) วันหนึ่งเธอชวนฉันไปปีนเขาที่อินโดนีเซีย ฉันตอบตกลงอย่างไม่อิดออด เป้าหมายของเราคือ ภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน (Kawah Ijien) และภูเขาไฟโบรโม่ (Bromo)
หลังจากเตรียมตัวฟิตร่างกายกันพอสมควร เราก็ออกเดินทางไปที่เมืองสุระบายา (Surabaya) อินโดนีเซีย ไกด์มารับเราที่สนามบินและพาเราไปยังที่พักซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เราได้ไปเดินป่าซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์จนทำให้อากาศเย็นชื้น และได้เห็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่มากแต่น้ำเย็นเจี๊ยบ ช่วงเย็นเราเดินเล่นในหมู่บ้าน เด็ก ๆ ให้ความสนใจและถ่ายรูปเล่นกับเราอย่างสนุกสนาน
วันรุ่งขึ้นเราตื่นตีสามเพื่อเดินทางไปเชิงเขาคาวาอีเจี้ยน ไกด์ให้เราสวมหน้ากากกันแก๊สพิษ เราเริ่มเดินขึ้นไปตั้งแต่ฟ้ายังมืด ต้องใช้ไฟฉายนำทาง สุชิตาและไกด์เล่าว่าที่นี่เป็นแหล่งทำเหมืองแร่กำมะถันที่ปากปล่องภูเขาไฟ การเผาไหม้ของกำมะถันทำให้เกิดกลิ่นฉุนและไฟสีฟ้า หรือ Blue fire เราต้องไปถึงปากปล่องก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อจะได้ชมไฟสีฟ้านั้น
เดินขึ้นเขาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงขอบปากปล่องภูเขา จากนั้นค่อย ๆ ไต่ลงไปยังด้านในปากปล่องอย่างทุลักทุเลอีกราว 45 นาที เราได้พบกับไฟสีฟ้าที่เราตามหา มันสวยงามมาก แต่นั่งชมอยู่ได้พักเดียวเราก็ทนกลิ่นกำ.มะถันไม่ไหวจึงเดินไต่ขึ้นไปขอบปากปล่อง ระหว่างนั้นฟ้าสว่างขึ้น เผยให้เห็นความงามที่แท้จริงของคาวาอีเจี้ยนในปากปล่องมีทะเลสาบสีเขียวมรกตที่อุดมไปด้วยแร่กำมะถัน น้ำในนี้มีฤทธิ์เป็นกรดอย่างเข้มข้นจึงอันตรายมาก เราเห็นชาวบ้านแบกตะกร้าที่เต็มไปด้วยแร่กำมะถันเพื่อนำไปขายให้กับผู้รับซื้อในเมือง พวกเขาเดินขึ้นจากปากปล่องอย่างกระฉับกระเฉงและยินดีโพสท่าให้ถ่ายรูปอย่างไม่เคอะเขิน
เราเดินชมธรรมชาติระหว่างทางเดินลงเขามาเรื่อย ๆ แต่ความง่วงและความหิวไม่เคยปรานีใคร สุชิตาที่ดูร่าเริงทุกครั้งที่ถ่ายรูปก็ยังต้องยอมแพ้ให้กับมัน เราแวะที่จุดพักเพื่อทานอาหารและกาแฟก่อนที่เธอจะเป็นลมไปเสียก่อน “ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ครั้งหน้าไปสบาย ๆ ไปกับชู ชูไม่เดิน” เธอกล่าว
ทะเลสาบสีเขียวมรกตด้านในปากปล่องภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน โดย ผู้เขียน