ปีนี้เป็นปีที่วิถีชีวิตของมนุษย์สะดุดไปในแทบจะทุก ๆ ทาง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้าเพราะการมาของไวรัส ด้านหนึ่งที่น่าสนใจคือ การแพร่ระบาดของไวรัสส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และครอบครัวในหลายมิติ โควิด-19 ทำให้ “คนที่รักกัน” ต้องแยกห่างจากกัน ในอีกด้านก็เป็นสถานการณ์ที่บังคับให้ “คนแล้งรัก” ต้องอยู่ด้วยกันอีกด้วย
ผลกระทบแรก ๆ ของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คือการจำกัดการเดินทางข้ามประเทศ ในยุคที่การคมนาคมกำลังรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ประชาชนเคยชินกับการเดินทางไกลทั้งทางรถ เรือ และเครื่องบิน การโดยสารโดยเครื่องบินในยุคนี้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันราคาค่าโดยสารก็ถูกลงเป็นอย่างมาก การเดินทางที่ถูกลงและสะดวกสบายนั้นทำให้คู่รักข้ามชาติหลายคู่ สามารถใช้ชีวิตแบบยืดหยุ่นได้ กล่าวคือ สามารถมีความสัมพันธ์แบบไม่อยู่ติดที่ มีการไปมาหาสู่ของคู่รักโดยที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่มีการวางแผนเพื่อเดินทางพบปะกันเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจะต้องทำงาน หรือดูแลครอบครัวในอีกประเทศหนึ่ง เป็นต้น
ที่มา : https://www.oprahmag.com/life/relationships-love/a27628635/long-distance-relationship-tips/
อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของโรคระบาดทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง ในช่วงแรกที่การระบาดเพิ่มขึ้นอย่างมากในต่างประเทศ ในเดือนมีนาคม 2563 สำนักการบินพลเรือน (กพท.) ได้มีการประกาศห้ามเที่ยวบินพาณิชย์เข้าประเทศไทย นอกจากนั้นรัฐบาลไทยยังได้ออกมาตรการให้คนไทยที่อยู่ต่างประเทศต้องขอใบรับรองการเดินทางจากสถานทูตและใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง หรือ Fit to Fly Health Certificate ที่มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมง เพื่อใช้ประกอบในการเข้าประเทศ ซึ่งในช่วงแรกก็มีความวุ่นวายอยู่พอสมควร เนื่องจากการให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน และกรอบเวลาที่กระชั้นชิดเกินไป คนไทยในต่างประเทศบางส่วนได้ให้ความเห็นว่าการขออนุญาต Fit to Fly นั้นมีค่าใช้จ่ายสูงและอาจจะไม่สามารถรับรองได้ว่าคนนั้นไม่ติดเชื้อ เพราะเชื้อมีการฟักตัวถึง 14 วัน แต่ Fit to Fly ต้องมีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงเท่านั้น และเนื่องจากมีการจำกัดเที่ยวบินพาณิชย์เข้าประเทศ ทำให้คนไทยในต่างประเทศต้องเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อจองตั๋วกลับประเทศตนเอง บางคนกลับบ้านไม่ทันเพื่อที่จะดูใจคนในครอบครัวที่กำลังจะเสียชีวิต และบางรายถึงกับเป็นโรคซึมเศร้าเพราะไม่ได้กลับประเทศไทยและคิดถึงคนทางบ้าน1
ทั้งการปิดน่านฟ้าและความเข้มงวดต่อคนไทยที่ประสงค์จะกลับประเทศ ทำให้คู่รักข้ามชาติหลายคู่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่รักที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน หญิงไทยรายหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC Thai ว่าเธออาจจะต้องคลอดลูกคนเดียวเนื่องจากคู่ของเธอเป็นชาวต่างชาติ ทั้งคู่วางแผนที่จะจดทะเบียนสมรสกัน แฟนหนุ่มชาวไต้หวันของเธอไม่มีวีซ่าติดตามคู่สมรส หรือวีซ่าประเภท Non-Immigrant “O”2 จึงไม่สามารถเข้าประเทศในฐานะคู่สมรสได้ คนไทยที่มีคู่รักชาวต่างชาติได้ร่วมกันรณรงค์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Love is not tourism Thailand3 เพื่อเคลื่อนไหวให้รัฐบาลอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่เป็นคนรักของคนไทยสามารถขอวีซ่าและเข้ามายังประเทศไทยได้ด้วยเหตุผลเชิงมนุษยธรรม
ในขณะที่คู่รักข้ามชาติกำลังเรียกร้องหาทางเพื่อให้ได้พบหน้ากับคนรัก ในอีกด้านหนึ่งคู่รักจำนวนหนึ่งกลับตัดสินใจตัดสายสัมพันธ์ในช่วงโควิด มาตรการกักตัวและมาตรการปิดเมืองในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้คู่รักได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากขึ้น หรือเรียกได้ว่าตลอดเวลา ทำให้รู้ถึงธาตุแท้ของกันและกัน บางคู่ถึงกับทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคู่สมรสตลอดเวลาจนนำไปสู่การหย่าร้างกัน บางฝ่ายมองว่าโรคระบาดทำให้คนในครอบครัวมีความตึงเครียดมากขึ้น แต่บางฝ่ายกล่าวว่าโรคระบาดเป็นการเปิดแผลในความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วมากกว่า
จากการรายงานของ BBC4 พบว่า คู่รักจำนวนมากทั่วโลกต้องการจะหย่าขาดจากกันในช่วงล็อกดาวน์ ความกดดันกับวีถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป การแบ่งภาระในการดูแลบ้าน การดูแลลูก การทำงานที่บ้าน ทำให้คนในครอบครัวเกิดความเครียดมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีความเครียดและกดดันมากกว่าผู้ชาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการนอกใจกันของคู่รักในช่วงกักตัว จนนำไปสู่การแตกหักกันอีกด้วย ในเมืองซีอานของประเทศจีน มีรายงานว่าหลังจากการระบาดของโควิด คู่สมรสชาวจีนได้พากันไปจดทะเบียนหย่าเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ5 ที่เมืองบันดุง ประเทศอินโดนีเซียก็เช่นเดียวกัน ศาลครอบครัวเมืองบันดุงรายงานว่า ในช่วงปกติมีการจดทะเบียนหย่าประมาณ 15 คู่ต่อวัน แต่หลังจากที่ศาลได้เปิดทำการหลังจากปิดมานานเนื่องจากการระบาดของโควิดกลับพบว่ามีผู้มาเข้าคิวขอจดทะเบียนหย่าเพิ่มมากขึ้นถึง 150 คู่ต่อวันเลยทีเดียว6
ที่มา: https://cooperativetherapy.com/fighting-couples-what-starts-the-fights/
Kate Moyle นักจิตบำบัดแนะนำว่า การอยู่ด้วยกันในช่วงกักตัวอาจทำให้เราหงุดหงิดกับการกระทำของอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น คู่รักควรสื่อสารถึงความรู้สึกของตัวเอง แทนที่จะกล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่ง ให้สื่อสารออกไปว่าตนเองรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของอีกฝ่าย นอกจากนั้นสมาชิกในครอบครัวควรจะมีเวลาเป็นของตนเอง
การใช้เวลาด้วยกันตลอดเวลา อาจไม่ใช่เวลาที่มีคุณภาพเสมอไป และช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับคนที่เพิ่งเลิกราจากคนรัก ควรจะขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือเพื่อน และควรฝึกดูแลตนเอง หากิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุขหรือสบายใจ7
อ้างอิง
ภัทราภรณ์ จึงเลิศศิริ
ภัทราภรณ์ จึงเลิศศิริ
ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา
ปราโมทย์ ประสาทกุล
สุดปรารถนา ดวงแก้ว
สลาลี สมบัติมี
มนสิการ กาญจนะจิตรา
สุริยาพร จันทร์เจริญ
สุภรต์ จรัสสิทธิ์
วิภาพร จารุเรืองไพศาล
สาสินี เทพสุวรรณ์
สิรินทร์ยา พูลเกิด
ถิรวัฒน์ วรรณพฤกษ์