ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ถึง ต้นศววรรษที่ 21 กระแสความสนใจขององค์ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดสุขภาพของคนว่า สุขภาพของคนเรานั้นจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับสภาพเงื่อนไขที่คนๆ นั้น เกิด เติบโต ทำงาน ดำรงชีวิต รายได้ และสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนนโยบายและระบบเศรษฐกิจ บรรทัดฐานทางสังคม นโยบายทางสังคม และระบบการเมืองที่มีไว้จัดการเรื่องการเจ็บป่วย ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยทางสังคมที่เป็นตัวกำหนดสุขภาพ (social determinants of health: SDH)1 อาจสรุปได้ว่า ตำแหน่งแห่งที่ของคนในสังคมหนึ่งๆ และนโยบายและระบบต่างๆ ในสังคมเป็นปัจจัยที่กำหนดสุขภาพของคน จนเมื่อประมาณปี 2013 โลกวิชาการได้ขยายขอบเขตของปัจจัยทางสังคมที่มีผลหรือกำหนดสุขภาพออกไปสู่อาณาเขตใหม่ คือ ปัจจัยทางการค้า ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทางสังคมที่มีผลหรือกำหนดสุขภาพของคนเรา (commercial determinants of health: CDoH)2
Source of picture: https://spectrum.ed.ac.uk/
ปัจจัยทางการค้า คือ กิจกรรมของภาคธุรกิจหรือบริษัทเอกชนที่ดำเนินการแล้วส่งผลกระทบต่อสุขภาพ3 ยกตัวอย่างเช่น คนงานในโรงฆ่าสัตว์และโรงงานบรรจุเนื้อสัตว์มีอัตราการบาดเจ็บสูง และมีอัตราการติดเชื้อจากโรคโควิด-19 สูง4 บริษัทเอกชนเลือกผลิต ตั้งราคา และทำการตลาดแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ เช่น นมผง อาหารแปรรูป บุหรี่/ยาสูบ เครื่องดื่มรสหวาน และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวานประเภท 2 มะเร็งบางชนิด ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน การค้าระหว่างประเทศสำหรับสินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า เช่น ไม้ ยาสูบ โกโก้ กาแฟ และผ้าฝ้าย นำมาซึ่งการตัดไม้ทำลายป่าจำนวนมาก ทำให้เกิดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง อันนำไปสู่การเกิดการระบาดของโรคที่มีพาหะนำโรค เช่น มาลาเรียและชิคุนกุนยา5
กิจกรรมของบริษัทเอกชน มี 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ (1) กิจกรรมการทางธุรกิจ เพื่อดำเนินงานของบริษัท (2) กิจกรรมทางการตลาด เพื่อพัฒนา ผลิต และจำหน่ายสินค้าของบริษัท และ (3) กิจกรรมทางการเมือง เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมทางนโยบายที่เอื้อต่อบริษัทในการดำเนินธุรกิจ6,7 กิจกรรมทั้งหมดทำไปเพื่อผลกำไรหรือผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าการส่งเสริมสุขภาพที่ดี
(1) กิจกรรมทางธุรกิจ หมายถึง การควบคุมห่วงโซ่อุปทานและการกระจุกตัวของตลาดของบริษัทเอกชน (เช่น ความพยามยามในการควบรวมกิจการ) การออกแนวปฏิบัติด้านแรงงาน การเสียภาษี และการเคลื่อนย้ายผลกำไร และการแปรรูปสาธารณูปโภค ตัวอย่างกิจกรรมประเภทนี้ ได้แก่ ในเดือนมีนาคม พ.ศ.2563 บริษัทค้าปลีกควบรวมกิจการกับบริษัทค้าส่ง บริษัทเอกชนในต่างประเทศหลีกเลี่ยงการเสียภาษีนิติบุคคล การพยายามใช้ข้ออ้างจากการค้าเสรี7 กิจกรรมทางธุรกิจนำมาซึ่งอำนาจบาตรใหญ่หรืออิทธิพลอย่างไม่เป็นธรรม มีการแข่งขันการตลาดที่ไม่เท่าเทียม และยังส่งผลต่อการมีอำนาจและอิทธิพลเหนือรัฐบาลในประเทศนั้นๆ
(2) กิจกรรมทางการตลาด บริษัทเอกชนทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ กำหนดราคา ทำการตลาด รวมถึงการโฆษณาและการขายปลีก เช่น การใช้เทคโนโลยีในการแปรรูปอาหารและผลิตอาหาร และสามารถยืดเวลาการหมดอายุของอาหาร เพื่อลดต้นทุนการผลิต6 การออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหารให้มีการ์ตูน ซองสาหร่ายอบกรอบมีภาพดาราเกาหลี และการแถมของเล่นในชุดแฮปปี้มีล เพื่อดึงดูดใจกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก ซึ่งเป็นการกระตุ้นการซื้อและการกินของเด็ก (supply drives demand) งานวิจัยทั้งไทยและต่างประเทศยืนยันตรงกันว่า การพบเห็นโฆษณาอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะการใช้ดาราหรือคนที่มีชื่อเสียงมีผลต่อการเพิ่มการกินอาหารของเด็ก ในขณะที่การแจกของแถมที่เป็นของเล่น ทำให้เด็กชอบอาหารที่ทำการตลาดเช่นนี้เพิ่มขึ้น8
(3) กิจกรรมทางการเมือง บริษัทเอกชนมีกิจกรรมทางการเมือง 2 รูปแบบหลักๆ คือ การสร้างภาพสร้างโอกาส และการโต้แย้ง ดังนี้
การสร้างภาพสร้างโอกาส คือ (1) บริษัทเอกชนจัดการหาแนวร่วม โดยบริษัทเอกชนสร้างพันธมิตรกับบุคคลที่สาม (third parties) ได้แก่ หน่วยงานด้านสุขภาพ สื่อ และชุมชน ด้วยการจัดกิจกรรมแสดง "ความรับผิดชอบต่อสังคม" (corporate social responsibility: CSR) เช่น บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย มอบผ้าห่มกันหนาวให้แก่ชาวเขาในภาคเหนือ หรือประชาชนในภาคอีสาน (2) การจัดการข้อมูลข่าวสาร เช่น บริษัทเครื่องดื่มน้ำอัดลมเคยให้ทุนทำวิจัยแก่ผู้บริหารในหน่วยงานภาครัฐ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของไทยเคยให้เงินสื่อมวลชนในการทำข่าว9 (3) การเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการนโยบาย เช่น การล็อบบี้ การเข้ามาเป็นคณะกรรมการหรือกรรมการผู้เชี่ยวชาญในการออกกฎหมาย การให้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง นักการเมือง หรือผู้กำหนดนโนบาย ผลจากการดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ของบริษัทเอกชนเป็นการสร้างความชอบธรรมและการได้รับการสนับสนุนจากคนในสังคมในการดำเนินธุรกิจของบริษัทตนเองต่อไป ทั้งๆ ที่การดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้นทำลายสุขภาพของคนในสังคม
การโต้แย้ง คือ เมื่อรัฐจะมีการใช้กฎหมายควบคุมการดำเนินธุรกิจหรือกิจกรรมของบริษัทเอกชน บริษัทเอกชนมักเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญที่บริษัทมีต่อเศรษฐกิจในประเทศ และมักส่งเสริมให้รัฐใช้มาตรการให้ความรู้และการศึกษากับประชาชนหรือผู้บริโภค รวมทั้ง ริเริ่มให้มีแนวปฏิบัติแบบภาคสมัครใจ เพื่อลดทอนหรือขัดขวางการออกกฎหมายที่จะส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชนของรัฐ
จากกิจกรรมดังกล่าวข้างต้น กระแสโลกทางวิชาการต่างเสนอให้ประเทศมีกฎหมายในการควบคุมการดำเนินกิจกรรมทั้ง 3 ประเภทของบริษัทเอกชน ควบคู่ไปกับภาครัฐโดยเฉพาะหน่วยงานด้านสาธารณสุขควรมีมาตรการส่งเสริมสุขภาพของคนจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอกชน เช่น มาตรการจำกัดการเข้าถึง (การจำกัดเวลาในการขายสุรา) มาตรการภาษีและราคา (การจัดเก็บและขึ้นภาษีน้ำตาล โซเดียม และไขมัน) มาตรการควบคุมการทำการตลาดและการโฆษณา มาตรการประกันค่าครองชีพ การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรโดยได้รับค่าจ้าง เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพของเด็ก การลาป่วย และการเข้าถึงประกันสุขภาพ รวมทั้งการเพิ่มความพร้อมของยาที่จำเป็นและเทคโนโลยีด้านสุขภาพ และการสนับสนุนการเข้าถึงยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น มีคุณภาพสูง ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และราคาไม่แพง
ปัจจัยทางการค้าสามารถกำหนดสุขภาพของคนเราได้ ดังนั้น รัฐควรมีมาตรการจัดการการดำเนินกิจกรรมทั้ง 3 กิจกรรมของบริษัทเอกชน เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของประชาชนมากกว่ามุ่งความเติบโตทางเศรษฐกิจแต่เพียงมิติเดียว
เอกสารอ้างอิง
ภาพปก freepik.com (premium license)