The Prachakorn

โกหกคำโต (big lie)


วรชัย ทองไทย

20 สิงหาคม 2565
1,393



โกหก (lie) คือ การพูดไม่จริงที่มีเจตนาหรือตั้งใจที่จะให้คนฟังเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง โกหกมีหลายระดับเริ่มตั้งแต่โกหกเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เป็นผลร้ายกับใครคือ พูดเสมือนจริง (white lie) ที่ยอมรับกันได้เพราะมีเจตนาดี โกหกที่มากขึ้นอีกคือ พูดเกินจริงและพูดบิดเบือนที่ใช้ในการโฆษณา พูดหลอกลวง พูดหลอกลวงเพื่อโกงเอาทรัพย์สินและพูดให้การเท็จซึ่งผิดกฎหมาย จนถึงพูดโกหกอย่างสุดโต่งคือ โกหกคำโต (big lie)

โกหกคำโตเป็นการพูดเรื่องโกหกอย่างมโหฬารเหลือเชื่อ จนคนที่ได้ยินเป็นครั้งแรกจะไม่มีวันเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อโกหกคำโตถูกกล่าวหลายๆ ครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็จะมีผลให้คนหลงเชื่อได้ โกหกคำโตจึงเป็นเทคนิคหนึ่งของการโฆษณาชวนเชื่อ

เทคนิคของโกหกคำโตคือ ต้องพูดบ่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในสื่อที่หลากหลาย เพื่อสร้างกระแสว่ามีแหล่งที่มาหลายแห่ง จึงจะทำให้คนหลงเชื่อคำยืนยันในเรื่องโกหกที่สุดโต่งนี้ โดยเฉพาะปัจจุบันที่สื่อสังคมออนไลน์สามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ในระยะเวลาสั้น อันทำให้คนจำนวนมากหลงเชื่อการโกหกคำโต และส่งผลให้สังคมระส่ำระสายได้

นายอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) นักกวนเมือง (demagogue) และหัวหน้าพรรคนาซี (ดูรูป) ได้เขียนบรรยายเรื่อง “โกหกคำโต” ไว้อย่างละเอียดในหนังสือชื่อ การต่อสู้ของข้าพเจ้า (Mein Kampf) และนำไปใช้อย่างได้ผล จนทำให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ภาพลายเส้นของนายอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หัวหน้าพรรคนาซี
ที่มา: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Drawing_of_Adolf_Hitler.jpg
สืบค้นเมื่อ 22 กรกฎาคม 2565

ปัจจุบัน “โกหกคำโต” ได้ถูกนำมาใช้อีกครั้งโดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) นักกวนเมืองและอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งสมัยที่สองในปี 2020 โดยอ้างว่า การเลือกตั้งถูกปล้น ทั้งๆ ที่ศาลแห่งรัฐทุกแห่งที่มีการฟ้องร้อง ได้มีคำตัดสินแล้วว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่คนอเมริกันจำนวนมากก็ยังคงหลงเชื่อคำพูดของทรัมป์อยู่อีก อันก่อให้เกิดความพิศวงสงสัยว่า เป็นไปได้อย่างไร แต่ข้อสงสัยนี้จะหมดไป ถ้าเราได้รู้ประวัติของเขา

ทรัมป์เป็นคนพูดโกหกตั้งแต่เล็ก เป็นเด็กเรียนไม่เก่งและเกเร เป็นคนหลงตัวเอง และเป็นคนหิวแสง (เรียกร้องความสนใจ) แต่เพราะเป็นลูกเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ จึงสามารถเรียนจนจบมหาวิทยาลัยและหลีกเลี่ยงการถูกเกณฑ์ทหารในสมัยสงครามเวียดนามได้ เขาเริ่มทำงานครั้งแรกในบริษัทของพ่อ  

ทรัมป์พูดโกหกทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงเรื่องคอขาดบาดตาย เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ถ้าถูกจับได้ว่าโกหก เขาก็จะโกหกซ้ำอีกเป็นสองเท่า (double down) ไปเรื่อยๆ จนคนฟังระอาไปเอง ทรัมป์จึงเป็นฝ่ายถูกตลอดเวลา ไม่เคยยอมรับผิดชอบอะไร และจะโทษความล้มเหลวทุกอย่างว่าเป็นความผิดของผู้อื่น

ทรัมป์เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้โด่งดัง (celebrity) จากรายการทีวี The Apprentice และท้ายสุดถูกเรียกว่า “นักการเมือง” เมื่อเขาชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 เขาสามารถทำให้คนหลงเชื่อได้ว่า เขาเป็นนักธุรกิจที่สร้างตัวเองอย่างตรงไปตรงมา จนประสบความสำเร็จเป็นมหาเศรษฐี แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาล้มละลายในธุรกิจเกือบทุกอย่าง และไม่ได้ร่ำรวยตามที่คุยไว้ แต่เนื่องจากเขาไม่ยอมเปิดเผยประวัติการเสียภาษี จึงไม่มีใครรู้ความจริงว่า เขามีทรัพย์สินอยู่เท่าไร

ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีอย่างไม่มีใครคาดคิด แม้แต่ตัวเขาเองก็ประหลาดใจว่า ชนะเลือกตั้งได้อย่างไร เขาลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงต้องการสร้างชื่อให้ตัวเองเพื่อต่อยอดทางธุรกิจเท่านั้น เขาปฏิเสธที่จะเป็นนักการเมือง โดยอ้างอยู่เสมอว่า เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและต้องการเข้ามาช่วยบริหารประเทศ เพื่อให้ “อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง” (Make America Great Again หรือ MAGA) เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ที่ทรัมป์เป็นแน่ๆ คือนักกวนเมือง ดังคำนิยามในพจนานุกรม Merriam-Webster ที่ว่า “นักกวนเมืองคือ ผู้นำที่ใช้อคติ คำกล่าวอ้างเลื่อนลอย และสัญญาเท็จ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ” ยิ่งกว่านั้น เขาได้ใช้วิธีการทุกอย่างของนักกวนเมืองในการหาเสียง และยังคงใช้วิธีการนี้ตลอดช่วงเวลาที่เป็นประธานาธิบดีจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การพูดโกหก ใช้วาทศิลป์ทำให้ผู้ฟังหลงเชื่อ ตั้งชื่อล้อเลียนฝ่ายตรงข้าม เช่น Crooked Hillary, Low-energy Jeb (Bush), Lyin’ Ted (Cruz), Little Marco (Rubio) ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้ามว่าอ่อนแอหรือไม่รักชาติ สร้างความกลัว หาแพะรับบาป ไปจนถึงโจมตีสื่อมวลชนว่าเป็น “ข่าวปลอม” (fake news)

นักกวนเมืองที่ประสบความสำเร็จเช่นทรัมป์ย่อมจะมีสาวกติดตามมากมาย โดยเฉพาะประชาชนผู้สนับสนุนพรรคริพับลิกัน อันมีผลให้นักการเมืองของพรรคเกือบทั้งหมดต้องหันไปสนับสนุนทรัมป์และคำโกหกของทรัมป์ จนกล่าวได้ว่า พรรคริพับลิกันได้กลายเป็นพรรคของทรัมป์

เมื่อทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี เขาได้กล่าวคำโกหกอย่างเป็นทางการครั้งแรกผ่านโฆษกรัฐบาลว่า จำนวนคนที่เข้าร่วมพิธีสาบานตนเพื่อเป็นประธานาธิบดีของเขามีมากที่สุด มากกว่าของอดีตประธานาธิบดีคนก่อนเสียด้วยซ้ำ ในขณะที่ความเป็นจริงมีน้อยกว่ามาก จนเห็นได้ชัดจากภาพถ่ายที่ได้นำมาเปรียบเทียบกัน การพูดโกหกที่ชัดเจนเช่นนี้ ทำให้สำนักข่าวทุกแห่งและทีวีทุกช่องกล่าวว่า เขาพูดโกหก

แต่โฆษกส่วนตัว (Kellyanne Conway) ได้โต้แย้งว่าไม่ได้โกหก แต่เป็น “alternative fact” คือข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง ซึ่งอาจไม่ตรงกับความคิดเห็นของคนอื่นก็ได้ ทำให้คำว่า alternative fact เป็นคำศัพท์ใหม่อีกคำของ "โกหก"

“ข่าวปลอม” เป็นคำโกหกที่ทรัมป์กล่าวมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้เขาเสียประโยชน์ เรื่องนั้นๆ ก็คือข่าวปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวจากสำนักข่าวใหญ่ๆ ทุกแห่งในสหรัฐฯ ได้แก่ CNN, MSNBC, ABC, CBS และ PBS ยกเว้นสำนักข่าวขวาจัดคือ Fox News แต่ในบางครั้งถ้าข่าวจาก Fox News ไม่เป็นที่ถูกใจของทรัมป์ เขาก็จะเรียกข่าวนั้นว่า ข่าวปลอมเช่นกัน  

ในระยะเวลา 4 ปี (2017 – 2020) ที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น จริยธรรมของนักการเมืองพรรคริพับลิกันตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เพราะได้ไปสนับสนุนการกระทำทุกอย่างของทรัมป์ ที่ไม่มีหลักการอะไรนอกจากเพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง มาตรฐานประชาธิปไตยก็ตกต่ำลง เพราะการบิดเบือนและเลี่ยงกฎหมายของตัวประธานาธิบดีเอง และของพรรคริพับลิกันที่ต้องการสนับสนุนประธานาธิบดี

ในช่วงนั้น คำโกหกที่ร้ายแรงที่สุดคือ โควิด-19 เป็นแค่โรคหวัดชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่โรคระบาดที่ทำให้เสียชีวิต ทั้งๆ ที่ในขณะที่พูดนั้น เขารู้ความจริงแล้วว่าไม่ใช่ โดยได้สารภาพออกมาเองในภายหลัง การระบาดของโควิดโดยไม่มีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ได้ส่งผลให้คนอเมริกันติดโควิดและเสียชีวิตมีจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทรัมป์หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ด้วยการหันมาโจมตีมาตรการป้องกันโรคระบาดและเชิดชูสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลแทน ได้แก่ กล่าวหาว่าการกักกัน การปิดเมือง และการใส่หน้ากากอนามัย เป็นการกำจัดสิทธิเสรีภาพส่วนตัว และบิดเบือนให้กลายเป็นเรื่องทางการเมืองระหว่างพรรคริพับลิกันและพรรคเดโมแครต

ครั้งแรกที่ทรัมป์โกหกคำโตว่า การเลือกตั้งถูกปล้นนั้น มีแต่สาวกของทรัมป์เท่านั้นที่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่เมื่อทรัมป์กล่าวย้ำแล้วย้ำอีกว่าเป็นเรื่องจริง  และนักการเมืองของพรรคริพับลิกันก็คล้อยตามไปด้วย ย่อมมีผลให้คนส่วนใหญ่ที่สนับสนุนพรรคริพับลิกันกลับใจหันมาเชื่อการโกหกคำโตของทรัมป์ อันนำไปสู่การบุกรุกสภาคองเกรสในวันที่ 6 มกราคม 2021 เมื่อทรัมป์ปลุกระดมผู้สนับสนุนให้เดินขบวนไปขัดขวางกการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสภาฯ

การบุกรุกสภาคองเกรสมีผลให้ทรัมป์ต้องเข้าสู่ขบวนการถอดถอนอีกเป็นครั้งที่สอง แต่เขาก็หลุดรอดได้อีกครั้ง เมื่อสมาชิกพรรคริพับลิกันเกือบทั้งหมดยังคงสนับสนุน (รวมทั้งสมาชิกที่ลงชื่อถอดถอนด้วย) ทำให้โกหกคำโตถูกนำไปอ้างในรัฐต่างๆ ที่สนับสนุนทรัมป์ เพื่อออกกฎหมายเลือกตั้งที่จะเป็นประโยชน์ต่อพรรคริพับลิกัน อันเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเลือกตั้งของคนผิวสี

ถ้าผู้สนับสนุนพรรคริพับลิกันยังคงหลงเชื่อการโกหกคำโตของทรัมป์อยู่อีก สังคมอเมริกันก็จะแตกแยกต่อไป และจะมีผลให้ประชาธิปไตยล่มสลายได้ในที่สุด เพราะนักกวนเมืองท้ายที่สุดแล้วก็คือ เผด็จการ

 



CONTRIBUTOR

Copyright © 2020 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
โทรศัพท์ 02-441-0201-4 โทรสาร 02-441-9333
Webmaster: piyawat.saw@mahidol.ac.th