ความเชื่อเรื่องสุขอนามัยที่ว่าสุขอนามัยเป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับผู้หญิง ทุกวัย เชื้อชาติ ศาสนา ภาษาวัฒนธรรม และประเพณี อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว ยังมีความเชื่อและการปฏิบัติที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ความเชื่อและทัศนคติเรื่องการมีประจำเดือนของสตรีในเอเชียใต้ ที่ว่าเป็นสิ่งสกปรก ทำให้ผู้หญิงต้องเผชิญความยากลำบากในชีวิตประจำวัน เช่น ชุมชนในแถบเทือกเขาหิมาลัย มีข้อปฏิบัติที่เคร่งครัดสำหรับผู้หญิงที่มีรอบเดือน เช่น ถูกห้ามนอนในบ้านของตนเอง บางคนต้องไปนอนในคอกวัว หรือกระท่อมนอกหมู่บ้าน เชื่อว่าหากปล่อยให้ผู้หญิงที่มีรอบเดือนเข้าบ้าน หรือเข้าวัด จะทำให้พระเจ้าโกรธเคือง
ความเชื่อและการปฏิบัติสำหรับเรื่องนี้ในประเทศอินเดียมีประเด็นน่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง เชื่อหรือไม่ว่าประชากรหญิงกว่า 300 ล้านคน มีรายได้ไม่พอที่จะซื้อหาผ้าอนามัยและต้องใช้ผ้าอื่นทดแทนเมื่อมีรอบเดือน โดยเฉพาะหญิงในชนบทต้องหาที่อยู่ชั่วคราวในช่วงเวลาดังกล่าวตามประเพณีปฏิบัติบนฐานความเชื่อว่า ไม่สะอาด เช่นเดียวกับเยาวชนหญิงร้อยละ 20 ต้องหยุดเรียนเนื่องจากครอบครัวไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็นสำหรับสุขอนามัย1
เมื่อความจำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับคุณภาพชีวิตไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐเท่าที่ควร เพราะรัฐบาลจัดให้ผ้าอนามัยอยู่ในรายการสินค้าฟุ่มเฟือย และเรียกเก็บภาษี 12% ในภาษาฮินดีเรียกการเก็บภาษีนี้ว่า ลาฮู กา ลูกาน (Lahu Ka Lagaan) ซึ่งแปลว่า “ภาษีเลือด” นักเคลื่อนไหวรณรงค์รวมตัวเพี่อเรียกร้องให้ยกเลิกการเก็บภาษีขึ้นในทันที รวมถึงการฟ้องศาลและร้องเรียนจำนวนมาก มีผู้ร่วมลงชื่อมากกว่า 4 แสนรายชื่อเพื่อหาคำตอบจากรัฐบาล2
มีผู้หญิงหลายคนได้รับอันตรายถึงชีวิตจากสัตว์ป่า โรคภัย และสภาพอากาศรุนแรง ระหว่างที่ต้องแยกไปอยู่ตามลำพังในเพิงพักชั่วคราวในช่วงที่มีรอบเดือน ซึ่งอยู่ห่างบ้านตนเองหรือชุมชน ถึงกระนั้น ธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าวก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากความเชื่อฝังลึกที่สืบทอดกันมานาน
ผลสำรวจที่จัดทำโดยองค์กรเอกชนแห่งหนึ่งพบว่า ตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา 98% ของที่พักชั่วคราวในขณะมีรอบเดือน ในท้องถิ่นรวม 223 แห่ง ขนาดเล็กแคบ ไม่มีทั้งประตูและหน้าต่าง ไม่มีห้องสุขา ไฟฟ้า น้ำดื่มน้ำใช้ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่ปลอดภัยต่อผู้เข้าไปพักอาศัย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 คน จากสาเหตุที่ป้องกันได้ กลายเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนในวัฒนธรรมฮินดูต้องแบกรับไว้
แม้การแก้ปัญหาที่แท้จริงควรจะเป็นวิธีให้การศึกษา เพื่อปรับเปลี่ยนความเชื่อและการปฏิบัติ การยกฐานะสตรีให้เท่าเทียมกับบุรุษ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงความเชื่อตามวิถีวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา


ภาพ เปรียบเทียบบ้านพักช่วงมีประจำเดือนที่สร้างเองและที่พักแห่งใหม่ สนับสนุนโดย สมาคมเพื่อสวัสดิการสังคม “เขรวดี” (KWSA) องค์กรเอกชน นครมุมไบ
ที่มา: https://www.bbc.com/thai/international-57367333 สืบค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2564
ในสถานการณ์เปราะบางย่อมมีข่าวดีเช่นกัน โดยสถาบันเพื่อการวิจัยสภาวะการเจริญพันธ์ุ รัฐราชสถาน (Rajasthan) ทดลองโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจากผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีฐานะยากจนและอยู่ห่างไกลไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจภายในอีกต่อไป สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกคือการขาดแคลนห้องสุขาทั้งในครัวเรือนและสาธารณะ รวมทั้งการรักษาความสะอาดอวัยวะเพศ ความอายและความเชื่อที่ผิดทำให้หญิงอินเดียส่วนใหญ่ไม่ยอมรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีการตรวจภายใน
โครงการนำร่องดังกล่าวเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก โครงการนี้จะเก็บตัวอย่างผ้าอนามัย จำนวน 500 ราย อายุระหว่าง 30-50 ปี มาตรวจสอบตลอดระยะเวลา 2 ปี ผู้เข้าร่วมโครงการจะเก็บผ้าอนามัยที่ใช้แล้วใส่ถุงพลาสติกเพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น ไปเก็บรักษาที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสก่อนนำส่งศูนย์ตรวจสอบต่อไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการจะสกัดดีเอ็นเอจากเลือดที่เปื้อนติดผ้า เพื่อตรวจสอบดูว่ามีร่องรอยของเชื้อไวรัส HPV หรือไม่ ในเบื้องต้นของการทดลองพบผู้ติดเชื้อ 24 ราย จากทั้งหมด 500 ตัวอย่าง ซึ่งจะมีการเรียกตรวจซ้ำวินิจฉัยอาการอย่างละเอียดต่อไป3


สุชาดา ทวีสิทธิ์

อมรา สุนทรธาดา

วรชัย ทองไทย

วรชัย ทองไทย

วรชัย ทองไทย

กัญญาพัชร สุทธิเกษม,กาญจนา เทียนลาย

วรชัย ทองไทย

ฐิติกร โตโพธิ์ไทย

มนสิการ กาญจนะจิตรา

จงจิตต์ ฤทธิรงค์

ปาริฉัตร นาครักษา,ขวัญฤทัย อมรดลใจ

ปราโมทย์ ประสาทกุล

วรชัย ทองไทย

จงจิตต์ ฤทธิรงค์

ปราโมทย์ ประสาทกุล