ผ่านมาถึงเดือนสุดท้ายของปีที่แสนยาวนาน สถานการณ์โควิด-19 ทำเอาแพลนของทั้งโลกนั้นเป๋ไปไม่น้อย ในวันที่โลกเคยเชื่อมต่อกันแบบแทบไร้เขตพรมแดน ผู้คนสัญจรข้ามซีกโลกไปมาได้อย่างอิสระและไม่มีความลำบาก การตัดฉับความเชื่อมต่อของคนทั้งโลกภายในเวลาไม่เกินหนึ่งเดือนนั้นได้สร้างความโกลาหล ความสับสนและอีกหลายอย่างที่มนุษย์รุ่นเรายังไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อน
ผู้เขียนเองมีกิจการ Bed & Breakfast หรือบีแอนด์บีเล็ก ๆ อยู่ห่างจากถนนข้าวสารประมาณ 10 นาที ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเกิดขึ้นของเชื้อไวรัสนี้ แขกต่างชาติเปลี่ยนแผนจากการเที่ยวยาวเป็นหาทางกลับให้ได้เร็วที่สุดเนื่องด้วยสถานการณ์ที่ยากจะคาดการณ์ บางคนเพิ่งมาถึงกระเป๋าสัมภาระยังไม่ได้เปิดดี ต้องปิดกระเป๋า หาตั๋วกลับเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ติดอยู่ที่นี่ต่อไปโดยไม่มีกำหนด
จุดหมายและแผนการเที่ยวถูกเปลี่ยนกะทันหันและต้องดิ้นกันไปตามสถานการณ์ที่เกินคาดเดา สถานการณ์ธุรกิจของผู้เขียนนั้นจากห้องพักที่มี 7 ห้อง 2 ตึก ผู้เขียนตัดสินใจคืน 1 ตึกให้เจ้าของโดยไม่ยื้อเช่าต่อในวันหนึ่งของกลางเดือนมีนาคม 2563 เมื่อเห็นว่าระบบการจองออนไลน์ที่เคยมีแขกจองเข้ามาเต็มทุกวันเปลี่ยนเป็นการแจ้งเตือนขอยกเลิกการจองยาว ๆ ไปถึงสิ้นปีฉันเฝ้ามองถนนข้าวสารจากวันที่เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบหยุดการเคลื่อนไหวเหมือนแช่แข็งไว้ทั้งถนน ตั้งแต่วันที่เริ่มประกาศเคอร์ฟิว บรรยากาศนั้นร้างราวกับเมืองร้างในหนังซอมบี้ล้างโลก ประกอบกับตอนนั้นถนนข้าวสารที่กำลังปรับปรุงพื้นถนนเต็มไปด้วยฝุ่นปูนและพื้นที่ยังสร้างไม่เสร็จ ป้ายไวนิลของรัฐเขียนข้อความว่า “ชาวข้าวสารจะสู้ COVID-19 และผ่านวิกฤติไปด้วยกัน”
แต่เมื่ออ่านข้อความแล้ว มองบริบทโดยรอบแล้ว มันกลับนึกภาพตามไม่ออก
จากวันที่ถนนคึกคักจากการมาเยี่ยมเยียนของคนทั่วโลก มาจนถึงวันที่ทั้งถนนเงียบงันจนไม่กล้าปั่นจักรยานผ่านเข้าไป ร้านรวง ผับ บาร์ ร้านนวด บริษัททัวร์ ที่สู้ไม่ไหวตัดสินใจถอยไปตั้งหลักด้วยไม่รู้จะวางแผนจัดการรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี ป้ายไฟและแสงสีสว่างไสวของถนนที่ไม่เคยหลับใหลถูกแทนที่ด้วยป้ายปิดประกาศเช่า เซ้ง เลิกกิจการ ร้านค้าที่เคยเรียงรายเหลือแค่คนขายไร้คนซื้อ ถนนเส้นหลักสายบันเทิงที่เคยต้องเดินเบียดแบบไหล่ชนไหล่ เปลี่ยนเป็นถนนที่สามารถมองทะลุจนสุดอีกฟากได้แบบไม่มีใครเดินผ่าน ลองจินตนาการภาพเหล่าพนักงานที่ร้านปิดและว่างงานจนล้อมวงเล่นตะกร้อกลางถนนข้าวสาร เล่นแบดมินตัน ถนนข้าวสารที่เด็ก ๆ ปั่นจักรยานเล่นได้ มันเกินจินตนาการว่าถนนสายนี้จะมีวันที่เงียบและไร้ผู้คนจนเอารถยนต์เข้ามาจอดได้แบบสบาย ๆ
เมื่อปี 2560 ที่ฉันมาเริ่มเปิดกิจการในย่านนี้ ก็มักได้ยินได้ฟังเสียงจากคนที่เปิดกิจการอยู่ก่อนหน้าว่ามันเงียบกว่าปีที่แล้วมาก เปิดมาสามปี ได้ยินคำนี้จากเพื่อนบ้านมาประปรายทุกปี แต่ด้วยกิจการของฉันขนาดเล็กและดูแลเอง จึงมีแขกแวะเวียนมาตลอดปี จะเห็นความแตกต่างของความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวก็ตามธรรมชาติของหน้าโลว์และหน้าไฮซีซั่น ถนนหน้าบ้านนั้นไม่เรียกว่าพลุกพล่าน แต่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินผ่านไปมาตลอดวัน แบบที่ขายอะไรในบ้านก็พอมีคนแวะเข้ามาให้เกิดรายได้แบบไม่มากมาย แต่ก็อยู่ไปได้เรื่อย ๆ ห้องมีแขกจองเต็ม 80-90% ช่วงนั้นเราสามารถสร้างรายได้จากการอยู่ในบ้าน ขายทัวร์ บริการแท็กซี่ ขายเครื่องดื่ม และขายของจุกจิกได้ และไม่เคยจินตนาการถึงวันที่ย่านนี้จะไม่มีนักท่องเที่ยวได้
โดยปกติแล้วเดือนธันวาคมคือช่วงพีคที่โรงแรมร้านรวงทั้งหลายในโซนนี้คับคั่งไปด้วยผู้คนจากทั่วโลก หลายคนคงจินตนาการภาพความคึกคักของถนนสายนี้ได้เป็นอย่างดี ฉันได้มีโอกาสไปฉลองปีใหม่เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 บนถนนข้าวสารที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เบียดเสียดชนิดที่ไหล่ชนไหล่หายใจรดต้นคอ (ตอนนั้นโควิด-19 ยังไม่ระบาด) แน่นขนาดที่ไม่สามารถเดินไปข้างหน้าหรือถอยกลับได้ สามวินาทีก่อนเที่ยงคืนเลยต้องยืนนับถอยหลังเข้าวันใหม่ของปี 2563 ตรงกลางถนนโดยไม่รู้ยืนอยู่บนเท้าใคร
หน้าบ้านผู้เขียนที่เคยมีนักท่องเที่ยวและผู้คนเดินไปมา กลายเป็นไม่มีใครเดินผ่านสักคน ใน 1 วันเห็นชาวต่างชาติผ่านมาสัก 1 คนเห็นจะได้ หรือบางวันอาจจะไม่มีเลย เห็นผ่านตาเยอะที่สุดน่าจะเป็นแกรบไบค์และมอเตอร์ไซค์เดลิเวอรีต่าง ๆ กิจการร้านค้าและโรงแรมขึ้นป้ายเซ้งเช่าทยอยปล่อยขายกิจการ
คนไร้บ้านและคนเดือดร้อนเพราะถูกเลิกจ้างจากงานรายวันต่าง ๆ หนาตาขึ้น จนรู้สึกได้ บางครั้งนั่งอยู่หน้าบ้านจะมีคนมาขอเงินขอข้าวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โรงทานจุดรับของบริจาคถูกตั้งขึ้นเป็นกำลังปากท้องให้คนว่างงานไร้บ้านยังมีหวังและมีชีวิตต่อไปได้อีกวันจากการช่วยเหลือของคนที่ยังพอมีกำลัง
ข่าวทีวีนำเสนอแต่ความเดือดร้อนแร้นแค้นอย่างไร้ทางออก รัฐบาลเองก็ยังไม่มีแผนชี้แนะใดเพื่อวันต่อ ๆ ไป หน้ากากอนามัยขาดแคลนและขึ้นราคาอย่างไม่น่าให้อภัย ชนชั้นกลางหาทำสิ่งที่ทำได้ทำไปก่อนเพื่อให้กายและใจได้ไปต่อ ช่วงนั้นแทบทุกคนมีผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ได้สลับกันอุดหนุน บ้างมีความเครียด ก็หาทางคลายกังวลใจด้วยการออกกำลังกาย ทำอาหารทานเอง ปลูกต้นไม้ ทำบ้านให้เป็นที่ถ่ายรูปไว้ลงในโซเชียล และเริ่มสร้างโปรไฟล์ใน Tik Tok ให้คลายเหงาคลายเครียดกันไป
ลูกจ้างรายวันที่ปกติหาได้ก็แทบไม่พอกินใช้อยู่แล้วแทบจะไม่เหลืออะไร เริ่มมีข่าวการฆ่าตัวตายหนีความจนและความผิดหวังจากการเงินเยียวยาจากรัฐบาล หลายสถานการณ์ที่เราได้รับรู้ผ่านโลกออนไลน์ตอนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านช่วงเคอร์ฟิวนั้น ส่งผลทั้งการบั่นทอนและสร้างกำลังใจในแต่ละวัน คิดเสียว่าอย่างน้อย ๆ มีคนที่เขาแย่กว่าเราอีกมาก สิ่งเหล่านี้พาใจและความรู้สึกเราขึ้นสูงลงต่ำตามข้อมูลที่ได้รับ การปรับสมดุลใจไม่ให้ฟุ้งซ่านวิตกกังวลเกินไปจึงเป็นสิ่งที่ต้องประคองกันไป เวลานั้น “เราติดยังนะ” ได้กลายเป็นมุกที่ตลกที่ทุกคนต่างถามตัวเองโดยที่ไม่มีใครนอนใจได้ในคำตอบ ได้แต่เสริมกำลังใจแบบขึ้น ๆ ลง ๆ ให้ตัวเองและคนรอบข้างกันไปแบบวันต่อวัน
เวลาผ่านไป ภาพความเงียบเหงาที่เห็นแล้วแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเริ่มกลายเป็นเป็นภาพที่ชินตา จนวันที่มีมาตรการคลายล็อคดาวน์และยกเลิกเคอร์ฟิว ผู้คนค่อย ๆ กลับมาใช้ชีวิตเกือบปกติแบบ New Normal แต่ถนนข้าวสารที่ไร้นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเงียบเหงาต่อไป พอจะคึกคักกันขึ้นมาบ้างในช่วงศุกร์เสาร์อาทิตย์ที่วัยรุ่นไทยแวะเวียนมาเที่ยวกัน แต่ร้านที่เคยเนืองแน่นก็เปิดไม่ถึงครึ่งของทั้งหมด ผู้เขียนเดินผ่านบาร์ที่เปิดเพลงดังแบบสะเทือนถึงหูชั้นใน เปิดแสงไฟแบบจัดเต็ม และเหล่าพนักงานเรียกแขกที่ยังคงมีจำนวนมากกว่านักท่องเที่ยว บาร์เสียงดังสั่นที่มีคนนั่งน้อยกว่าคนเสิร์ฟ ก็ได้แต่เอาใจช่วย ทั้งตัวเอง และผู้ประกอบการ คนทำงาน และพ่อค้าแม่ขายทุกคน
ในที่สุด เราก็อยู่กับสถานการณ์นี้มาได้เกือบปี แม้ว่าโดยรวมจะยังมียอดติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ก็มีข่าวดีให้ได้ใจชื้น เนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า มาร์กาเรต คีแนน หญิงชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 90 ปี เป็นชาวสหราชอาณาจักรรายแรกที่เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ไฟเซอร์ (Pfizer) และ ไบออนเทค (BionTech) พัฒนาร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีข่าวดีของหลายประเทศที่เริ่มจองวัคซีนให้กับประชากรของตนเอง ก็ได้แต่หวังว่าชีวิตปกติจะกลับคืนมาในเร็ววัน ได้ลืมตาอ้าปากกันอีกครั้ง
ผู้เขียนคิดถึงถนนข้าวสารที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวนานาชาติ คิดถึงวันที่ข้าวสารจะไม่เงียบเหงา และทุกคนได้มีก้าวต่อไปสักที
จรัมพร โห้ลำยอง,ศิรินันท์ กิตติสุขสถิต
ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา
วรเทพ พูลสวัสดิ์
มนสิการ กาญจนะจิตรา
ชณุมา สัตยดิษฐ์
วรชัย ทองไทย
วาทินี บุญชะลักษี
พรสุรีย์ จิวานานนท์
อมรา สุนทรธาดา
ณปภัช สัจนวกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
มนสิการ กาญจนะจิตรา
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปิยวัฒน์ เกตุวงศา
สุภรต์ จรัสสิทธิ์
วรชัย ทองไทย
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
เพ็ญพิมล คงมนต์