จากการคาดประมาณว่าประชากรของประเทศไทยจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และจะเหลือเพียงครึ่งประเทศในเวลาไม่ถึงสิ้นสุดศตวรรษที่ 21 นี้ หรือภายในช่วงอายุขัยของคนหนึ่งคนคือราว 70 ปี ประเทศไทยจำเป็นต้องมองหาแนวทางในการดึงดูดประชากรที่มีคุณภาพเข้ามาอยู่อาศัยระยะยาว และรับสัญชาติไทย เป็นคนไทยทดแทนคนที่หายไป แนวทางที่สำคัญและใช้อยู่ในหลายประเทศ และได้เริ่มใช้มาตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ นโยบาย Massive Immigration Policy
สำหรับประเทศไทย จากการคาดประมาณเป้าหมายประชากรที่เหมาะสมให้คงไว้ประมาณ 40 ถึง 60 ล้านคน ประเทศจำเป็นต้องนำเข้าประชากรต่างชาติปีละไม่ต่ำกว่า 200,000 คน เป้าหมายคือการสร้างประเทศและชุมชนที่เข้มแข็ง มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ มีสังคมที่มั่นคง เหมือนอย่างที่แคนาดาประสบความสำเร็จ บทความนี้จะวิเคราะห์แนวทางการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อดึงดูดประชากรคุณภาพโดยศึกษาจากระบบของแคนาดา
แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการรับผู้พำนักอาศัยถาวร (permanent residency) ที่ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันมีหน่วยงานอย่าง “Immigration, Refugees and Citizenship Canada (IRCC)” มีเจ้าหน้าที่ 7,000 คน โดยมีรัฐมนตรีกำกับ ทำหน้าที่หลักในการตั้งเป้าและคัดเลือกผู้สมัคร มุ่งเน้นไปที่ทักษะความสามารถ และศักยภาพในการสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศ ปี 2024 นี้ตั้งเป้าไว้ 485,000 คน และจะเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป
รูป 1: IRCC จัดงาน Canadian Immigration Fair ในเมืองใหญ่ทุกเมือง เพื่อช่วยเหลือด้านข้อมูลและแรงบันดาลใจเรื่องอาชีพการงาน การศึกษาและการตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยให้กับผู้ย้ายถิ่นใหม่เป็นประจำทุกปี
ที่มา: https://canadianimmigrant.ca/careerfair/ สืบค้นเมื่อ 11 กรกฎาคม 2567
ประเทศไทยสามารถจัดตั้งหน่วยงานระดับกระทรวงเพื่อสามารถประสานและสั่งการงานที่เกี่ยวข้องกับทุกกระทรวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจมีชื่อว่า “กระทรวงคนเข้าเมือง พลเมืองและประชากร” ทำหน้าที่หลักอย่างน้อย 6 ประการ โดยปรับจากต้นแบบของแคนาดาให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยคือ
1. การตั้งเป้าจำนวนและคุณสมบัติของพลเมืองที่ต้องการ เน้นนโยบายและการวิจัย: วิเคราะห์จำนวนและกำหนดคุณสมบัติประชากรที่ต้องการ ออกแบบการให้สิทธิอยู่อาศัยแบบต่างๆ และวางระบบรับผู้พำนักอาศัยถาวรและการให้สัญชาติ (pathways to permanent residency and citizenship) พัฒนาระบบให้คะแนนตามคุณสมบัติ (points-based immigration system) ประสานงานกับสำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงแรงงาน และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ศึกษาแนวโน้มประชากรและการย้ายถิ่นฐาน ระบุกลุ่มประชากรเป้าหมายในประเทศต่างๆ พัฒนายุทธศาสตร์และโปรแกรมดึงดูด และเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่างกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการดึงดูดอย่างเจาะจง เช่น
2. การพิจารณาและตัดสินคำขอ: จัดกระบวนการยื่นคำขอให้รวดเร็ว มีการสื่อสารที่ชัดเจน จัดให้บริการยื่นคำขอออนไลน์ มีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ใช้ยุทธศาสตร์การรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน จัดให้มีการมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม และความเชื่อมโยงของส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นในการเสนอชื่อและพิจารณาตัดสิน มีกระบวนการเชิงรุกโดยประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศให้สถานทูตไทยทั่วโลกเชิญชวนให้มีการยื่นคำขอจากประเทศเป้าหมาย
หน่วยงานพิจารณาคำขอนี้ นอกจากเป็นงานเชิงงานประจำแล้ว ยังสามารถแบ่งส่วนราชการเพิ่มเติม ออกเป็นโครงการพิเศษ และโครงการเฉพาะกิจต่างๆ ได้อีก เพื่อความรวดเร็วในการเพิ่มประชากรและทรัพยากรมนุษย์: หน่วยงานย่อยพิเศษเหล่านี้ เช่น โครงการการให้ที่อาศัยระยะยาว (long-term residence) หรือให้สัญชาติแก่ผู้ลี้ภัย (refugees) ที่อาศัยอยู่เป็นเวลานาน บุตรแรงงานข้ามชาติ และผู้ไร้สัญชาติในประเทศ โครงการประชากร free-flow ASEAN โครงการ MOU กับประเทศเมียนมา โครงการนักศึกษาต่างชาติ โครงการผู้ลี้ภัยในเขตเมือง (urban refugees) โครงการ digital nomad หรือการทำงานทางไกลโดยใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อกลาง โครงการวีซ่าสำหรับหางาน (job seeker visa) โครงการให้เสนอชื่อโดยจังหวัด (Provincial Nominee Program หรือ PNP) และโครงการเอกชนอุปถัมภ์
3. การช่วยเหลือด้านการตั้งถิ่นฐานและการบูรณาการทางสังคม: ประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงวัฒนธรรม เสนอหลักสูตรและบริการสนับสนุน เช่น การฝึกอบรมภาษาและวัฒนธรรม การจัดหางาน และโปรแกรมปรับสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมสำหรับผู้พำนักถาวรคนใหม่ ประสานงานกับประชาสังคมและเอกชนเพื่อสนับสนุนการบูรณาการทางสังคม จัดการให้มีการประสานประโยชน์กับคนไทย โดยมีการติดตามและประเมินผลที่รวดเร็ว
4. การตลาดและการเผยแพร่เชิงรุก: สร้างแบรนด์ประเทศไทยที่แข็งแกร่งทั้งด้านเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพถูก และด้านสังคมที่มีเอกลักษณ์ของความมีน้ำใจ ให้ข้อเสนอที่น่าสนใจด้านการภาษี การศึกษา และการรักษาพยาบาล สร้างสรรค์แคมเปญประชาสัมพันธ์แบบเจาะจงไปยังประเทศที่มีกลุ่มประชากรเป้าหมายที่ต่างกัน จัดตั้งศูนย์บริการเพื่อให้คำปรึกษา ตอบคำถามเกี่ยวกับโปรแกรมการย้ายถิ่นฐาน ประชาสัมพันธ์ให้กับคนไทยให้มีส่วนร่วมในการรับรู้ คัดเลือก และเสนอแนะ ตลอดจนการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในการสร้างความเข้มแข็งของประเทศด้วยนโยบายนี้
5. การปฏิบัติตามกฎหมายและการบังคับใช้: ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานความมั่นคงของประเทศ มีระบบศึกษาติดตามประวัติและพฤติกรรมประชากรเป้าหมาย สร้างระบบที่ยุติธรรมและปลอดภัย เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติและป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ
6. การประเมินผลอย่างต่อเนื่อง: หน่วยงานควรมีการประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น
นโยบาย Massive Immigration Policy ของแคนาดาได้รับการยกย่อง และยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยสามารถเรียนรู้จากความสำเร็จและความท้าทายของแคนาดาได้โดยเฉพาะที่เน้นการผสมผสานทางสังคม แคนาดาให้ความสำคัญกับการผสมผสานผู้อพยพเข้าสู่สังคมอย่างสำเร็จผล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน การดึงดูดประชากรคุณภาพเป็นกลยุทธ์สำคัญในการพัฒนาประเทศไทย โดยการเรียนรู้จากประสบการณ์ของแคนาดา เราสามารถสร้างหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ ดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพเข้ามา และผลักดันให้ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป นอกจากนี้ การสร้างสังคมพหุวัฒนธรรม และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยน่าอยู่สามารถดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกได้
แนวคิดนี้คงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น การแก้ไข ปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็น แม้ในประเทศแคนาดาเอง ปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมเนื้องานและเป้าหมายอยู่เสมอ โดยเฉพาะตามความผกผันทางการเมือง และทัศนคติสาธารณะ บทความนี้ขอเชิญชวนนักวิชาการทั้งทางประชากรศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ ตลอดจนผู้วางนโยบาย และคนไทยทุกคน มาช่วยกันคิดและวางแนวทางกันแต่เนิ่นๆ หาจุดที่ถูกต้อง และสมดุล ทั้งนี้เพื่อความมั่นคงทางประชากรและคุณภาพชีวิตของคนไทยและผู้มาเยือนและมาอยู่ด้วยทุกคน
รูป 2: Mark Abbott พีธีกรมวยลุมพินี ได้สัญชาติไทยแล้ว
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=htLbJDTNlcE สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2567
ภาพปก freepik.com (premium license)
จงจิตต์ ฤทธิรงค์
กาญจนา ตั้งชลทิพย์,อารี จำปากลาย
จรัมพร โห้ลำยอง
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ภูเบศร์ สมุทรจักร
กาญจนา ตั้งชลทิพย์
สักกรินทร์ นิยมศิลป์
โยธิน แสวงดี
มนสิการ กาญจนะจิตรา
กาญจนา ตั้งชลทิพย์,ปัทมา ว่าพัฒนวงศ์,อารี จำปากลาย
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ศุทธิดา ชวนวัน
อมรา สุนทรธาดา
ปราโมทย์ ประสาทกุล
อมรา สุนทรธาดา
รีนา ต๊ะดี
กาญจนา เทียนลาย
พิมลพรรณ นิตย์นรา
อภิชาติ จำรัสฤทธิรงค์
กุลภา วจนสาระ
บุรเทพ โชคธนานุกูล
สักกรินทร์ นิยมศิลป์