ขณะที่สังคมไทยกำลังเผชิญหน้ากับการสูงวัยของประชากรอย่างรวดเร็ว คำถามที่คนทุกรุ่นวัย ไม่เฉพาะคนที่เข้าใกล้วัยสูงอายุอาจคิดกังวลอยู่ คือเมื่อแก่ตัวแล้วจะไปอยู่ที่ไหน อยู่กับใครหรืออยู่กันอย่างไร โดยเฉพาะยิ่งเมื่อคนรุ่นหลังมีแนวโน้มจะต้องดำรงชีวิตอยู่ตัวคนเดียวมากขึ้นกว่าที่เป็นมา
ปัจจุบันกระแสการสูงวัยในถิ่นที่อยู่ (ageing in place) เป็นแนวทางที่นานาประเทศต่างสนับสนุนให้เกิดขึ้นเพื่อทดแทนหรือชะลอการเพิ่มขึ้นของการดูแลเชิงสถาบัน (institutional care) เพราะนอกจากจะเป็นแนวคิดที่สนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถยังคงอยู่ในบ้านและชุมชนเดิมของตนเอง ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและได้รับบริการดูแลที่จำเป็นเพื่อคงคุณภาพชีวิตที่ดีได้แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการอยู่อาศัยในบ้านพักคนชรา
ผู้เขียนเชื่อว่าเมื่อแก่ตัวลง หากเลือกได้ พวกเราส่วนใหญ่ (ไม่ใช่เฉพาะคนไทย) ก็คงอยากอาศัยอยู่ในบ้านของเรา มากกว่าที่จะพาตัวเองย้ายไปอยู่ในบ้านพักคนชราหรือสถานอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียง แต่หลายคนก็อาจตั้งคำถามว่า แล้วเราจะอยู่ในบ้านเดิมของเราเองได้จริงหรือ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีใครคอยดูแลเมื่อยามที่เราไม่สามารถดูแลตัวเองได้ดีเหมือนเดิม หรือไม่มีบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในพื้นที่ชุมชนที่เราอาศัยอยู่
ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องมีการจัดระบบ “บริการการดูแลทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ” (aged care services) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถสูงวัยในถิ่นที่อยู่ได้จริงในทางปฏิบัติ1
ขอบเขตของบริการการดูแลทางสังคมอาจครอบคลุมบริการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น (1) การดูแลส่วนบุคคล (personal care) เช่น การช่วยอาบน้ำแต่งตัว (2) ความช่วยเหลือในชีวิตประจำวัน(daily-living assistance) เช่น บริการอาหาร การทำความสะอาด การทำสวน การจ่ายบิล และ (3) การดูแลทางสังคม (social care) เช่น การพาไปทำธุระ ไปหาหมอ การช่วยซื้อของ แต่บริการการดูแลทางสังคมนี้จำเป็นต้อง “เชื่อมต่อ” เข้ากับบริการทางสุขภาพอย่างไร้รอยต่อด้วยเช่นกัน
รูป: การดูแลผู้สูงอายุในครอบครัว
ที่มา: https://www.familyhappiness.co/family-care/talking-with-elderly-person/ สืบค้นเมื่อ 21 กันยายน 2565
ปัจจุบัน การดูแลทางสังคมส่วนใหญ่ในสังคมไทยมีการจัดบริการทั้งโดยภาครัฐและภาคเอกชน แต่ส่วนใหญ่ยังกระจัดกระจายและไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับบริการทางสุขภาพ จากผลการศึกษาในโครงการวิจัย2 ที่ได้รวบรวมข้อมูลอุปทานของการจัดบริการดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า การจัดบริการการดูแลทางสังคมที่มีการดำเนินการอยู่ในประเทศไทย มีลักษณะที่สำคัญ 3 ประการ ดังนี้
(1) ประเภทองค์กรที่จัดบริการ – ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างมีศักยภาพและมีหน้างานที่หลากหลาย แต่กลับไม่พบความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนในการร่วมจัดบริการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ประสบการณ์ในต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า ท้องถิ่นควรรับบทบาทเป็นเพียงนายหน้า (broker) หรือผู้สร้างภาคี (matchmaker) ของการจัดบริการ แต่ไม่จำเป็นต้องรับหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ (provider) โดยตรง ภาคเอกชนควรได้รับการส่งเสริมให้ทำ.หน้าที่เป็นผู้ให้บริการ ภายใต้การกำกับดูแลและกำหนดมาตรฐานรวมถึงราคาโดยภาครัฐ
(2) ลักษณะบริการ – บริการที่พบส่วนใหญ่ยังเน้นการดูแลและฟื้นฟูกลุ่มผู้สูงอายุในศูนย์ดูแล (1,148 แห่ง) รองลงมาคือบริการที่บ้าน (664 แห่ง) นอกจากนี้ยังพบบริการรูปแบบใหม่ๆ แต่ในจำนวนที่ค่อนข้างน้อย (35 แห่ง) เช่น ธุรกิจพาหนะรับส่ง ธุรกิจจัดหาผู้ดูแลผู้สูงอายุ แต่บริการเหล่านี้ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงเพราะมุ่งตอบโจทย์วิถีชีวิตของชนชั้นกลางและเน้นการเข้าถึงบริการผ่านโซเชียลมีเดีย
(3) พื้นที่การจัดบริการ – บริการโดยภาคเอกชนส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่เขตเมืองมากกว่าเขตชนบท แต่ในพื้นที่ที่ไม่ปรากฏบริการของภาคเอกชน กลับพบว่ามีบริการที่จัดโดยภาครัฐ โดยศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ ดังนั้น ศพอส. จึงเป็นกลไกสำคัญที่มีศักยภาพในการช่วยเติมเต็มบริการสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ซึ่งไม่มีกำลังมากพอที่จะเข้าถึงบริการจากภาคเอกชน แต่ขณะเดียวกัน ศพอส. จำเป็นต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งด้วยการขยายเครือข่ายความร่วมมือและเพิ่มขีดความสามารถในการระดมทุนและทรัพยากรต่างๆ เพื่อทำให้ ศพอส. เป็นศูนย์กลางการจัดบริการและสามารถเข้าถึงผู้สูงอายุในระดับชุมชนได้อย่างทั่วถึง
หากสังคมไทยเริ่มตื่นตัวและลงทุนกับการสร้างระบบบริการการดูแลทางสังคมกันอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตคนรุ่นหลังอาจไม่ต้องกังวลและตั้งคำถามกันอีกต่อไปว่า เราจะอยู่กันที่ไหนหรืออย่างไรเมื่อแก่ตัวลง เพราะเราจะมีบ้านที่อยู่ได้อย่างสะดวกสบาย และมีบริการที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีจนชั่วชีวิตของเรา
ศุทธิดา ชวนวัน
ปราโมทย์ ประสาทกุล
กาญจนา เทียนลาย
อภิชาติ จำรัสฤทธิรงค์
กาญจนา เทียนลาย
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ศุทธิดา ชวนวัน
ปราโมทย์ ประสาทกุล
นิธิพัฒน์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
สุรีย์พร พันพึ่ง,ตะวันชัย จิรประมุขพิทักษ์
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
วรชัย ทองไทย
อมรา สุนทรธาดา
ปราโมทย์ ประสาทกุล
บุรเทพ โชคธนานุกูล
อมรา สุนทรธาดา
กาญจนา ตั้งชลทิพย์,อารี จำปากลาย