คำว่า “สมุนไพร” ไม่ได้หมายถึงเพียงแต่พืชเท่านั้นยังรวมถึง สัตว์ แร่ธาตุจากธรรมชาติที่ สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ และบำรุงร่างกายได้ ประเภทของสมุนไพร สมุนไพรที่ได้จากส่วนของพืชโดยตรง (พืชวัตถุ) โดยส่วนต่างๆ ที่นำมานั้นมีสารที่สามารถใช้เป็นยาได้ ได้แก่ ใบ ดอก ผล เปลือกผล เมล็ด เปลือกเมล็ด รากหรือหัว ต้น แก่น กระพี้ เนื้อไม้ เปลือกไม้ สมุนไพรที่ได้จากอวัยวะของสัตว์ (สัตว์วัตถุ) ได้แก่ ตับ ดี นอ เขา เอ็น เลือด น้ำมัน มูล ฯลฯ เช่น ขี้ผึ้ง รังนก น้ำมันตับปลา สมุนไพรที่ได้จากแร่โดยธรรมชาติหรือสิ่งที่ประกอบขึ้นจากแร่ธาตุต่างๆ ตามกรรมวิธี (ธาตุวัตถุ) นำมาใช้เป็นยา เช่น เกลือ กำมะถัน น้ำประสานทอง ดีเกลือ สารส้ม1 หากนำเอาสมุนไพรตั้งแต่สองชนิดขึ้นไปมาผสมรวมกันซึ่งจะเรียกว่า ยา ในตำรับยา หมอสมุนไพรส่วนใหญ่ได้รับความรู้จากการถ่ายยทอดจากบรรพบุรุษ ทั้งนี้มีการสืบทอดความรู้ หลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น จดจำจากการติดตามบรรพบุรุษที่ไปให้การรักษาชาวบ้านในชุมชน รวมถึงการจดบันทึกและการศึกษาด้วยตนเองเพิ่มเติม2
สมุนไพรมีมากมายหลายชนิดจนไม่สามารถระบุจำนวนได้ วันนี้จะมาแนะนำสมุนไพรหรือที่เรียกกันว่าพื้นผักสวนครัวที่สามารถหาได้ง่ายๆทั่วไป โดยแต่ละท่านสามารถนำมาปรุงเป็นอาหาร เครื่องดื่ม หรือบำรุงผิว ได้ด้วยตนเอง
“แกงเลียง” ประกอบไปด้วยสมุนไพร
ภาพ: สมุนไพร
ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/local/2176345 สืบค้น 24 ตุลาคม 2565
“แกงฮังเล” ประกอบไปด้วยสมุนไพร
“แกงหน่อไม้ใบย่านาง” ประกอบไปด้วยสมุนไพร
“ข้าวยำ” ประกอบไปด้วยสมุนไพร
ภาพ: ผักและสมุนไพรไทย
ที่มา: https://www.thestreetratchada.com/Blogs/16/5-healthy-thai-dishes-and-recipe สืบค้น 24 ตุลาคม 2565
“น้ำกระเจี๊ยบ” มีฤทธิ์เย็น ช่วยดับกระหาย แก้ไอ ขับเสมหะ ขับปัสสาวะ ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะและในไต แม้ว่าจะมีความเป็นพิษต่ำมาก แต่ก็ไม่ควรดื่มในปริมาณเข้มข้นและติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากผลการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ของอัณฑะและตัวอสุจิได้
“น้ำตะไคร้” ช่วยบำรุงธาตุ ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว อาการปวดท้องที่มาจากการแน่นท้อง จุกเสียด แน่นเฟ้อ แม้ว่าตะไคร้เป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยามากมาย แต่ก็มีข้อควรระวัง คือ หญิงตั้งครรภ์อ่อนๆ หรือใกล้คลอด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานตะไคร้มากเกินไป เพราะตะไคร้มีฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบตัว และผู้ป่วยโรคไต ควรระมัดระวังการดื่มน้ำตะไคร้ เนื่องจากตะไคร้มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
“น้ำอัญชัน” มีส่วนประกอบของแอนโทไซยานิน ฟลาโวนอยด์ สเตียรอยด์ และไตรเตอร์ปินอยด์ ซึ่งเชื่อว่ามีคุณสมบัติช่วยรักษาปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ลดอาการปวดบวมอักเสบ ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ขับปัสสาวะ รักษาโรคเบาหวาน ต้านการแข็งตัวของเลือด ควรระมัดระวังการรับประทานดอกอัญชัน หากกำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากดอกอัญชันมีฤทธิ์ละลายลิ่มเลือด จึงอาจทำให้ยามีฤทธิ์รุนแรงยิ่งขึ้นและก่อให้เกิดอันตรายได้
“น้ำขิง” มีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณ บำรุงธาตุ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ช่วยเจริญอาหาร ข้อควรระวัง ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าหากรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบ และการศึกษาหนึ่งในออสเตรเลีย พบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณในการต้านการแข็งตัวของเลือดมากกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของออสเตรเลียได้ออกคำเตือนให้งดการรับประทานขิงในขณะที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด3
“ว่านหางจระเข้” ช่วยลดความแห้งกร้านและความมันบนผิวหนัง ช่วยรักษาความชุ่มชื่นของผิว ลดการระคายเคืองจากแสงแดด
“แตงกวา” ผลของแตงกวามีเอนไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีน โดยเอนไซม์ชนิดนี้จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้านให้หลุดออกไป
“งา” วิธีใช้โดยการนำเอาเมล็ดงาสดมาบีบน้ำมันงาออกโดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่อง ช่วยประทินผิวให้นุ่มนวลไม่หยาบกร้าน ใช้ได้ทั้งงาขาวและงาดำ
“ขมิ้นชัน” มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิดได้อีกด้วย
“มะขามเปียก” ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขามจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น4
สมุนไพรที่เรากล่าวไปข้างต้นนั้นเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะยังมีอีกมากมายที่เราสามารถหาและใช้อยู่ในชีวิตประจำวันโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว สมุนไพรใกล้ตัวมากมายเหล่านี้มีประโยชน์อย่างที่นึกไม่ถึงมาก่อน แต่อย่าลืมว่าถ้าอาจต้องการใช้สมุนไพรให้เกิดประโยชน์มากกว่าโทษต้องขึ้นอยู่กับวิธีการใช้สมุนไพรที่ถูกต้องและปริมาณที่เหมาะสมด้วย และข้อควรระวังคือสมุนไพรบางชนิดก็ไม่เหมาะกับผู้ป่วยบางราย หรือสตรีมีครรภ์ ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูล และข้อควรระวังทุกครั้งก่อนจะใช้สมุนไพร การที่จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีต้องเริ่มจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย และอย่าลืมนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
อ้างอิง
ปัณณวัฒน์ เถื่อนกลิ่น
วรชัย ทองไทย
ณัฐพร โตภะ
วรชัย ทองไทย
นุชราภรณ์ เลี้ยงรื่นรมย์
กชกร พละไกร
วรชัย ทองไทย
ปราโมทย์ ประสาทกุล
อมรา สุนทรธาดา
เพ็ญพิมล คงมนต์
อมรา สุนทรธาดา
วรชัย ทองไทย
วรชัย ทองไทย
วรชัย ทองไทย
รีนา ต๊ะดี
ศุทธิดา ชวนวัน
ณปภัช สัจนวกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ปราโมทย์ ประสาทกุล
กัญญา อภิพรชัยสกุล
ชณุมา สัตยดิษฐ์
ปราโมทย์ ประสาทกุล
ศิรินันท์ กิตติสุขสถิต
ปราโมทย์ ประสาทกุล
เฉลิมพล แจ่มจันทร์
ปราโมทย์ ประสาทกุล
เฉลิมพล แจ่มจันทร์
อมรา สุนทรธาดา
วรรณี หุตะแพทย์
ณัฐจีรา ทองเจริญชูพงศ์,สิรินทร์ยา พูลเกิด
สุชาดา ทวีสิทธิ์
อมรา สุนทรธาดา
สาสินี เทพสุวรรณ์,สิรินทร์ยา พูลเกิด
ปาริฉัตร นาครักษา,สิรินทร์ยา พูลเกิด
นงเยาว์ บุญเจริญ
อมรา สุนทรธาดา